หน้าแรกแกลเลอรี่

"สมพร ยศ" ขอบคุณนิชิโนะเรียกติดทีมชาติไทย โอกาสครั้งนี้สำคัญกับตนมาก

ไทยรัฐออนไลน์

6 พ.ค. 2564 02:00 น.

สมพร ยศ จอมหนึบจากสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ออกมาเปิดใจหลังได้รับโอกาสจาก อากิระ นิชิโนะ กุนซือทีมชาติไทย เรียกมาติดทัพช้างศึกอีกครั้ง 

วันที่ 6 พ.ค. 64 สมพร ยศ ผู้รักษาประตู เอสซีจี เมืองทองฯ กล่าวขอบคุณ อากิระ นิชิโนะ กุนซือใหญ่ ที่เล็งเห็นผลงาน ก่อนเรียกเข้ามา ติดทีมชาติไทยอีกครั้ง ในชุดที่เข้าแคมป์ฝึกซ้อม เพื่อเตรียมความพร้อมลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)

นายด่านวัย 27 ปี เบียด ดัง วาน ลัม ขึ้นมายึดมือหนึ่ง กิเลนผยอง ได้สำเร็จ ตั้งแต่ก่อนที่ ผู้รักษาประตูชาวเวียดนาม จะย้ายไปอยู่กับ เซเรโซ โอซากา โดย 18 นัดในลีกฤดูกาลนี้ สมพร ยศ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม มีชอตเซฟสำคัญช่วยทีมหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งถูก อากิระ นิชิโนะ เรียกมาติดธงช้างศึก

สมพร กล่าวว่า “ยังรู้สึกเป็นเกียรติ และ ดีใจเหมือนเดิมครับ ที่มีโอกาสเข้ามาติดทีมชาติไทยชุดใหญ่อีกครั้ง ที่ผ่านมา ผมมีเป้าหมายกับตัวเองว่าต้องลงไปเล่นในสนามก่อน จากนั้นเมื่อมีโอกาสแล้ว ต้องพยายามทำผลงานให้ดี เพราะอย่างที่รู้ ปัจจุบันเรามีผู้รักษาประตูเก่งๆ เยอะมากครับ ก็ขอบคุณโค้ช (อากิระ นิชิโนะ) ที่เล็งเห็นในสิ่งที่ผมทำ และให้โอกาสเข้ามาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในครั้งนี้ครับ ช่วงหลังที่ผมมีโอกาสลงเล่นบ่อยๆ ตอนนั้นไม่ได้คิดหรอกครับว่าจะต้องมีชื่อติดเข้ามา เพราะเราพยายามให้ความสำคัญ กับโอกาสที่สโมสรมอบให้ก่อน แต่พอมีชื่อติดเข้ามาจริงๆ ก็ยอมรับว่าเซอร์ไพรส์มากครับ”

สมพร กล่าวต่อ “ผมเคยมีโอกาสเข้ามาซ้อมกับชุดใหญ่แล้ว ถามว่าตอนนั้น กับ ตอนนี้ต่างกันมั้ย ก็ต่างครับ อย่างตอนนั้น ผมเป็นเด็กด้วย พอเข้าไป ก็มีความรู้สึกเกร็งๆ เขิลๆ แต่พออายุมากขึ้น เราก็จัดการกับความรู้สึกได้ดีขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต่างกันคือ ผมภูมิใจทุกครั้งที่มีโอกาสเข้ามาติด ทีมชาติไทย ไม่ว่าชุดไหนก็ตามครับ โอกาสครั้งนี้สำคัญกับผมมากครับ ผมรู้สึกว่ามันทำให้ผมมีแรงบันดาลใจมากขึ้น รู้สึกว่าอยากกลับมาที่นี่ตลอดเวลา และอยากมีโอกาสเข้ามาเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่ากระหายมากขึ้นครับ แน่นอนว่า ผมจะทำให้ดีที่สุดกับโอกาสตรงนี้ครับ”

สมพร ยังกล่าวถึงช่วงเวลาที่ต้องตกเป็นสำรอง และถูกปล่อยยืมหลายครั้ง แต่ก็ไม่ท้อ จนกระทั่งมีวันนี้ว่า “อันดับแรก ต้องยอมรับให้ได้ก่อนครับว่าเราไม่ใช่เบอร์หนึ่งของทีม จากนั้นก็พยายามเรียนรู้จากคนที่เป็นเบอร์หนึ่ง และ ด้วยสถานการณ์ที่เราไม่มีเกมเล่น เราก็ต้องทำงานข้างนอกเพิ่มขึ้น ก็ไม่เคยถอดใจกับสถานการณ์ที่ผ่านมาเลยครับ ผมว่าคนเรายังมีโอกาสอยู่ตลอด แม้จะเป็นเกมเดียว แต่ก็พลิกชีวิตคนได้เลย จนทำให้ผมมีวันนี้ได้ครับ”

สำหรับ ทีมชาติไทย จะเดินทางไปประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ ก่อนเริ่มต้นพบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย วันที่ 3 มิถุนายน 2564 เวลา 23.45 น. ณ สนามอัล มัคตูม