เบี้ยหงาย
จากนี้ไปอีกสัปดาห์เศษๆเท่านั้น ก็จะถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของฟีฟ่า หรือ ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74 ในเมืองไทย โดยจะจัดกันที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งวันประชุมใหญ่จริงๆจะมีขึ้นในวันที่ 17 พ.ค.ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป
แต่ก่อนหน้านั้นจะมีการประชุมอีกมากมาย และหลายวงทั้งวาระของฟีฟ่าเอง และสหพันธ์ฟุตบอลโซนต่างๆที่จะใช้โอกาสที่คนฟุตบอลทั่วโลก 211 ประเทศ มารวมตัวกันในเมืองไทยนี่แหละ ซึ่งจะทยอยเดินทางเข้ามาและประชุมกันตั้งแต่ 13 พ.ค.แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีไทยจะเปิดทำเนียบเลี้ยงต้อนรับคณะของฟีฟ่าในวันที่ 15 พ.ค.ด้วย
และในวันประชุมใหญ่วันที่ 17 พ.ค. ยังมีวาระสำคัญกับการโหวตเลือกเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกในปี 2027 ด้วย ซึ่งขณะนี้มี 2กลุ่มแข่งกันอยู่ คือกลุ่มยุโรป เจ้าภาพร่วม 3 ชาติ เบลเยียม เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ กับเจ้าภาพเดี่ยว บราซิล ใครได้จัดรู้กันในวันนั้น
แน่นอนงานใหญ่ยักษ์ของโลกฟุตบอลเช่นนี้ย่อมต้องมีซุปเปอร์สตาร์แห่งโลกลูกหนังมาร่วมงานด้วยแน่นอน ส่วนจะมีใครบ้าง และดังขนาดไหนคงจะทยอยๆเปิดตัวกันออกมา
ฝั่งของฟีฟ่าเองก็โปรโมตและนับถอยหลังโดย ประธานฟีฟ่า จานนี อินฟานติโน ก็โพสต์ระบุถึงการรอคอยที่จะกลับมาประเทศที่สวยงามอย่างประเทศไทย เพื่อร่วมประชุมฟีฟ่า คองเกรส ในวันที่ 17 พ.ค.
ประธานฟีฟ่ายังได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ นวลพรรณ ล่ำซำ รวมถึงทีมงานในการเตรียมการด้วย!
ส่วนของฝ่ายไทยเราในฐานะเจ้าภาพนั้น แม้เป็นช่วงผ่านต่อเนื่องมาจากรัฐบาลก่อน รวมถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลฯชุดก่อน แต่ก็ถือว่ามีการส่งผ่านและรับช่วงที่มีเวลาเตรียมตัวพอควร ไม่ได้มีประเด็นของการเตรียมการไม่พร้อมหรือกระชั้นชิดแน่นอน
รวมถึงแม้จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีล่าสุด ซึ่งอาจจะเกี่ยวบ้างในส่วนของการสลับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงการเปลี่ยนรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดิมนายกรัฐมนตรีได้มีการแต่งตั้งให้ รองฯนายกฯ ปานปรีย์ พหิทธานุกร เป็นประธานคณะกรรมการการจัดการประชุมใหญ่สามัญของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ครั้งที่ 74 (74th FIFA Congress 2024) และ รมต.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองประธาน ก็คงไม่ได้กระทบต่อแผน หรือการเตรียมงานในรายละเอียด และไม่ก่อให้เกิดเงื่อนไขอันเป็นอุปสรรคแต่อย่างไร
ซึ่งทุกฝ่ายไล่ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ลงมาก็ดูจะให้ความสำคัญ และหวังจะใช้การประชุมที่ยิ่งใหญ่นี้ เป็นส่วนสำคัญในการตอกย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในมิติต่างๆทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์อันดี สร้างความเชื่อมั่นและชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพจัดงานระดับโลก การท่องเที่ยว การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการสร้างมูลค่าเพิ่มของเศรษฐกิจภายในประเทศหรือการโชว์ซอฟต์พาวเวอร์ความเป็นไทยให้เห็นในด้านต่างๆ รวมถึงอาจต่อยอดไปสู่การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกในอนาคต
วันก่อนท่านนายกฯเศรษฐาดูจะแฮปปี้ ดี๊ด๊ากับการเปิดทำเนียบต้อนรับตำนานของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อย่าง ไมเคิล โอเวน, สตีฟ แม็กมานามาน และ ร็อบบี ฟาวเลอร์ เข้าเยี่ยมคารวะ ก็เข้าใจได้ถึงการเป็นหนึ่งใน “เดอะค็อป” ตัวยง
แต่ภารกิจกับการเตรียมจัดประชุมฟีฟ่า คองเกรสนี้ยิ่งใหญ่กว่ามาก!
นับแต่วันที่ผู้เกี่ยวข้องเหยียบย่างเข้าเมืองไทย จนถึงวันเดินทางกลับออกไป ต้องไม่มีอะไรผิดพลาด และสำคัญกว่านั้น ประเทศไทยต้องได้ประโยชน์ในทุกมิติ
พร้อมโชว์กันหรือยัง...
“เบี้ยหงาย”