ไทยรัฐฉบับพิมพ์
เข้าสู่เดือนที่ 2 ของปี พ.ศ.2567 ต้องบันทึกเอาไว้ว่าในเดือน “กุมภาพันธ์” ปีนี้ เป็นเดือนแห่งความเปลี่ยนแปลง “วงการฟุตบอลไทย” เหลืออีกไม่กี่วัน การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย “คนใหม่” แทนที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งหมดวาระลง กำลังจะเกิดขึ้น
โดยมีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่ผ่านคุณสมบัติ ทั้งหมด 5 คน ฮอตสปอร์ตฉบับนี้นำนโยบายที่ผู้สมัครแต่ละคน “ชูโรง” เอาไว้ ในการเรียกคะแนนเสียงจากสมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงจำนวน 73 เสียง รวมถึงเพื่อเป็นประโยชน์อันจะส่งผลต่อแนวทางการทำงาน หากเป็น “ผู้ชนะเลือกตั้ง”
“เบอร์ 1” และ “เต็ง 1” คงหนีไม่พ้น “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้ซึ่งมีแบ็กอัปแข็งโป๊ก เพราะบรรดาผู้บริหารสโมสรระดับบิ๊กเบิ้มของประเทศ “กุมเสียงโหวตเตอร์” เป็นผู้หนุนหลังอยู่เต็มที่
ในฐานะที่เธอเคยเป็นประธานสโมสรการท่าเรือมาก่อน จึงเห็นว่า “เงินสนับสนุนสโมสร” เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดในเวลานี้ จะต้องทำให้ทุกทีมมีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดโดยด่วน ไม่ใช่แค่อยู่ได้ แต่ต้องอยู่ดี
ส่วนแผนงานระยะยาว 4 ปี จะพัฒนาวงการฟุตบอลทั้งองคาพยพแบบรอบด้านอย่างจริงจัง ทั้งระบบเยาวชน และผู้ตัดสิน รวมถึง “ความสำเร็จ” ของทีมชาติไทย ก็เป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะรู้ดีถึงความคาดหวังของแฟนบอล
“ป๊อก” วรงค์ ทิวทัศน์ อดีตเลขานุการฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด ผู้สมัคร “หมายเลข 2” จะขอแก้ปัญหาเรื่องโครงสร้างที่ไม่สอดคล้องกับปัจจุบัน และก็แน่นอนว่าจะเน้นไปที่การพัฒนาฟุตบอลลีกอาชีพ เพราะเจ้าตัวอยู่กับตรงนี้มา 7 ปีเต็มๆ
โดยเฉพาะการเพิ่มมูลค่าของไทยลีกตอนนี้ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยให้ทีมชาติไทยกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง
“หมายเลข 3” คือ “พอลลีน” พยุริน งามพริ้ง อดีตประธานเชียร์ไทยพาวเวอร์ พ่นนโยบายเอาไว้หลายอย่าง รวมถึงการพัฒนาฟุตบอล ด้วยการเริ่มจากวางรากฐานพัฒนาเยาวชนอย่างมีแบบแผน เพื่อเป้าหมายของทีมชาติไทยติดท็อป 4 ของเอเชีย
แต่ที่ตื่นตะลึงที่สุด “เขา” กล่าวไว้ว่าจะยกระดับ “ไทยลีก” ให้มีมูลค่า 3,500-5,000 ล้านบาทต่อปี
“บิ๊กตุ๋ย” ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ชุดปัจจุบัน ซึ่งว่ากันว่า “เบอร์ 4” คนนี้เป็นตัวตายตัวแทนของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แนวทางของแผนงานจึงไม่ได้มีการปรับมากนัก แต่จะลงรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อทำให้สมบูรณ์มากขึ้น
ที่เด่นชัดคงจะเป็นเรื่องการสานต่อโครงการสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติแบบครบวงจร รวมถึงการสร้างคอนเนกชันกับต่างประเทศ ซึ่งเป็นความถนัด
สุดท้าย “หมายเลข 5” คมกฤช นภาลัย อดีตผู้สื่อข่าวสายฟุตบอล เจ้าของนามปากกา “อ๋อ วัง โอ่ง” และกูรูลูกหนังไทย ต้องการเสริมจุดแกร่ง และลบจุดด้อย รากฐานคือสิ่งสำคัญ ต้องมาจาก “เยาวชน”
การแข่งขันในระดับเยาวชนต้องได้มาตรฐาน มีระบบการขึ้นทะเบียนนักฟุตบอลเยาวชนทั่วประเทศ รวมถึงเรื่องของ “ผู้ตัดสิน” จะต้องแยกออกมาให้เป็นอิสระชัดเจน ภายในระยะเวลา 4 ปี พร้อมกับเพิ่มรายได้ให้กับบรรดาสิงห์เชิ้ตดำ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญให้การทำหน้าที่มีมาตรฐาน และตัดปัญหา “นกหวีดหวาน”
หากทั้งหมดมองในเชิงบวกผู้สมัครทุกคนมีนโยบายที่ดี และคล้ายคลึง โดยมีเป้าหมายยกระดับ และพัฒนาวงการฟุตบอลไทยเช่นเดียวกัน
คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อยที่ “นายกคนใหม่” จะผนวกเอานโยบายเหล่านี้เข้าด้วยกัน แล้ว “ทำให้สำเร็จ” เป็นรูปธรรม
เพราะลึกๆแล้วทุกคนต่างก็รู้กันดีแก่ใจว่า ผลการเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 8 ก.พ.นั้น จะออกมาเป็นเช่นไร
มันแน่ เสียยิ่งกว่าแน่
มันแน่ เสียยิ่งกว่าแช่แป้ง!
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่