หน้าแรกแกลเลอรี่

รำลึก “ควีนสคัพ”

โจโจ้

14 ส.ค. 2566 05:08 น.

วันที่ 12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ หรือวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง

เนื่องในวันสำคัญดังกล่าวดังเฉกเช่นทุกปีที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐและเอกชนรวมทั้งประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ร่วมกันน้อมเกล้าถวายพระพรและจัดกิจกรรมร่วมเทิดพระเกียรติกันทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึงการจัดกิจกรรมเพื่อร่วมเฉลิมฉลองและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระแม่แห่งแผ่นดินแล้ว

หากย้อนกลับไปในอดีตที่เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลไทยแล้วเชื่อว่าผู้คนหรือคอลูกหนังในขณะนั้นคงจำกันได้ว่า บ้านเรานอกจากจะมีการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ที่มีการเชิญนักเตะต่างชาติมาดวลฝีเท้ากับทีมชาติไทยจนเป็นทัวร์นาเมนต์ยอดนิยมแล้ว

อีกรายการหนึ่งถือว่าสร้างมูลค่าเพิ่มและต่อยอดการพัฒนาให้กับวงการลูกหนังไทยโดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้สโมสรต่างๆได้แสดงศักยภาพเพื่อความเป็นเลิศคงจะได้แก่การแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน “ควีนสคัพ”

ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “ควีนสคัพ”ครั้งที่ 1 ได้เปิดม่านอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2513 โดยมีสโมสรธนาคารกรุงเทพเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน

สำหรับรายการนี้มีที่มาสืบเนื่องมาจากการดำริของ “นายบุญชู โรจนเสถียร” ในฐานะนายกสโมสรธนาคารกรุงเทพขณะนั้น ที่ต้องการให้มีการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระดับสโมสรเพิ่มจากรายการแข่งขันปกติที่มีอยู่

เมื่อทุกภาคส่วนต่างเห็นพ้องต้องกันคณะกรรมการเตรียมการจึงได้มีการนำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อขอพระ บรมราชานุญาตใช้ชื่อการแข่งขันว่า “ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” หรือ “ควีนสคัพ”

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลและให้สโมสรต่างๆได้มีโอกาสเข้าแข่งขันหาประสบการณ์ รวมทั้งเป็นเวทีในการคัดเลือกนักฟุตบอลระดับสโมสรสำหรับเข้าสู่ทีมชาติต่อไป

ในการจัดศึกดวลแข้งรายนี้วาระแรกสโมสรธนาคารกรุงเทพในฐานะเจ้าภาพได้มีการเชิญสโมสรซึ่งถือว่าเป็นศูนย์รวมของนักเตะชั้นแนวหน้าในยุคนั้นเข้าร่วมอีก 5 สโมสร ประกอบด้วย ทหารอากาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ราชวิถี ราชประชานุเคราะห์ และสมาคมหัวเฉียวจีนแคะแห่งประเทศไทย

หลังจากการแข่งขันได้รับการยอมรับและเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นตามลำดับ ต่อมาภาคีสมาชิกจึงได้เชิญสโมสรในต่างแดนอย่างเกาหลีใต้ (ฮานยาง) อินโดนีเซีย (จาการ์ตาปุตรา) ญี่ปุ่น (ยันมาร์ดีเซล) และจีน (ปักกิ่ง) ฯลฯ เข้าร่วมโม่แข้งในบางปีอีกด้วย

แต่ภายหลังด้วยปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมตลอดจนวิวัฒนาการของวงการลูกหนังโลกที่มีการขับเคลื่อนไปสู่มิติของความเป็นสากลภายใต้อาชีพและธุรกิจมากขึ้นในปี 2553 การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานควีนสคัพจึงปิดตัวลงและเหลือไว้แต่ความทรงจำนับแต่วันนั้นเป็นต้นมา

วันนี้ถึงแม้โลกหรือบริบทของวงการฟุตบอลจะเปลี่ยนไปแต่หากย้อนไปถึงคุณค่าและประโยชน์อันเนื่องมาจากการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “ควีนสคัพ” ที่สังคมและวงการกีฬาไทยได้รับ

เชื่อว่าหากพิจารณาให้ถ่องแท้สำหรับคุณค่านานัปการของฟุตบอลรายการนี้ ย่อมมีบทบาทและส่งผลต่อการพัฒนาในการยกระดับวงการลูกหนังไทยได้อย่างยากที่จะพรรณาได้.

โจโจ้