โจโจ้
ทนเห็นความตกต่ำของบอลไทยไม่ไหว “บังยี” วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมลูกหนังไทยและกรรมการบริหารสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติฟีฟ่า ตัดสินใจโดดร่วมวงในการลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลไทย อีกครั้งในสมัยหน้าที่จะหมดวาระ ก.พ.ปีหน้า 2567
จะว่าไปแล้วไม่ใช่เรื่องที่แปลกสำหรับฟุตบอลไทยยุคนี้ที่นับวันมีแต่จะตกต่ำลงเรื่อยๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตั้งแต่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกคนปัจจุบัน เข้ามานั่งเก้าอี้บริหารงาน ยังไม่เห็นถึงความสำเร็จหรือทำให้วงการลูกหนังไทยดีขึ้นเลย
ช่างแตกต่างจากคำพูดที่ช่างดูสวยหรูดูดีในช่วงแรกที่เข้ามาบริหารงาน ผุดโปรเจกต์สุดเลิศไอเดียบรรเจิดแต่สุดท้ายทำไม่ได้สักอย่าง โดยเฉพาะคำที่ว่า “ผมจะขอลาออกถ้าเป็นนายกแล้วทำดีไม่ได้ ก็ให้คนอื่นมาทำ ดีกว่าอยู่ให้คนไทยประณามว่าไม่ได้ทำอะไร”
แล้วเป็นไงถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นทำตามที่พูดไว้เลย สงสัยสมองเบลอจนลืมคำพูดจากปากตัวเองหมดแล้ว
ตอนนี้ฟุตบอลลีกของไทยปิดฤดูกาลไป เรียบร้อยแล้ว แต่หลายสโมสรยังงงๆๆๆ ว่าปิดลีกจริงหรือเปล่า เพราะถึงตอนนี้ยังได้เงินสนับสนุน
ยังได้ไม่ครบเลย ทั้งที่ยอดตัวเลขต่ำกว่าเมื่อสมัยที่ “บังยี” เป็นนายกเสียอีก
ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้น ไทยลีก 1 รับ 20 ล้านบาท ไทยลีก 2 รับ 3 ล้านบาท และไทยลีก 3 รับ 2 ล้านบาท ส่วนปัจจุบันคงไม่ต้องพูดเอาแค่ลีกสูงสุดได้ไม่ถึง 10 ล้านบาท
หากเป็นยอดสนับสนุนเดิมที่ทุกสโมสรเคยได้รับน่าจะเกือบ 10 ปีกว่าจะได้ครบ แล้วแบบนี้ฟุตบอลไทยจะพัฒนาได้อย่างไร ในเมื่องบอุดหนุนที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดหล่อเลี้ยงของทุกสโมสรยังได้กันไม่ครบเลย
ยังดีที่หลายทัวร์นาเมนต์ของทีมชาติได้นารีขี่ม้าขาว “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เข้ามาเติมเต็มในฐานะผู้จัดการทีม เลยทำให้บรรดานักเตะใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะได้รับทั้งกำลังใจและความใส่ใจ
เสียดายที่ “มาดามแป้ง” ดันมาถอดใจเลิกลงชิงนายกในสมัยหน้า ทำให้ความหวังต่างๆ ที่นักเตะหวังไว้หายไปในพริบตา
“บังยี” ยืนยันแล้วว่าหากได้กลับมาบริหารสมาคมลูกหนังไทยอีกครั้งได้เตรียมแผนวางไว้แล้วในการ “ฟื้นฟูฟุตบอลไทยกลับสู่ความรุ่งเรือง” ถือว่าเข้าใจง่ายและตรงใจ
โดยเฉพาะเรื่องการผลักดันเพื่อให้ฟุตบอลไทยเข้าใกล้ความฝันมากที่สุดในการขยับเข้าใกล้เวทีโลก หลังทวีปเอเชียได้โควตาเพิ่มมากขึ้น
จากนี้คงขึ้นอยู่ที่สโมสรสมาชิกต้องการแบบไหน ทนกินเกลือแบบปัจจุบันแล้วปล่อยให้ฟุตบอลไทยกลายเป็นอดีตหรือต้องการความเปลี่ยนแปลง.
โจโจ้