โจโจ้
ความล้มเหลวไม่เป็นท่าของสมาคมลูกหนังไทยที่พลาดเหรียญ ทองทั้ง “ช้างศึกและชบาแก้ว” จากกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา ส่งผลให้หลายคนเริ่มมองหาวีรบุรุษที่จะมากอบกู้วิกฤติวงการลูกหนังไทย
แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าสมัยที่ “วีเจ” วิจิตร เกตุแก้ว ต่อไปถึง “บังยี” วรวีร์ มะกูดี กุมบังเหียนเก้าอี้ตัวนี้ เมื่อล้มเหลวมักจะถูกพวกกองเชียร์ขับไล่อยู่ตลอด ทั้งที่ความล้มเหลวสมัยนั้นถ้าเทียบกับตอนนี้ต่างกันลิบลับมีไม่มากเหมือนทุกวันนี้ด้วยซ้ำ
หรือนี่เองที่เรียกว่า “กองเชียร์จัดตั้ง”
ที่น่าสนใจเมื่อกล่าวถึงนายกสมาคมกีฬาลูกหนังไทย ล่าสุดพบว่ามีคนในวงการสนใจที่จะเสนอตัวเพื่อให้สโมสรสมาชิกพิจารณาผ่านสื่อมวลชน 2-3 คน
รายแรกคือ “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เพชฌฆาตหน้าหยกดาวยิงทีมชาติไทยในอดีต แสดงตนพร้อมที่จะผนึกทีมงานภายใต้ผู้รู้ลึกรู้จริงเข้ามาขับเคลื่อนพัฒนาและยกระดับบอลไทยโดยเฉพาะการนำทัพไทยไปบอลโลก
คนต่อมาอดีตบอร์ดฟีฟ่าและนายกลูกหนังไทย “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ผู้ซึ่งเคยรังสรรค์บอลไทยให้เป็นที่ประจักษ์ไม่ว่าผลงานของทีมชาติทั้งชายและหญิงรวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลีกลูกหนังอาชีพจนได้รับการกล่าวขวัญและชื่นชมก็ส่งเสียงว่าพร้อมที่จะหวนกลับมาพัฒนาบอลไทยให้กระหึ่มเป็นที่ยอมรับก้าวสู่ระดับสากลอีกวาระหนึ่ง
สุดท้ายผู้ที่มีกีฬาลูกหนังในสายเลือดและสร้างผลงานด้วยการนำทัพชบาแก้วไทยไปสู่เวทีโลกมาถึง 2 สมัย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ก็ทำทีว่าสนใจในการก้าวมานั่งเก้าอี้ใหญ่เช่นกัน
จากการที่ “มาดามแป้ง” ส่งสัญญาณว่าสนใจที่จะเข้ามากุมบังเหียนลูกหนังไทยให้ก้าวไกลสู่อนาคตที่ดีกว่าเดิม ปรากฏว่าบรรดาคอลูกหนังต่างขานรับเหมือนเริ่มมองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ขึ้นมาทันที
ล่าสุดบรรดาแฟนคลับต้องอึ้ง! และผิดหวังตามๆกันเมื่อ “มาดามแป้ง” แจ้งว่าเมื่อกลับไปทบทวนและหารือกับครอบครัวรวมทั้งภาระที่รัดตัวคงไม่เสนอตัวลงชิงตำแหน่งนายกฯ แต่ขอกลับมาอยู่ในฐานะผู้จัดการทีมดังเดิม
เหนืออื่นใดการได้มาซึ่งนายกสมาคมกีฬาลูกหนังไทยดังที่ทุกภาคส่วนปรารถนาและคาดหวังจะปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมหรือไม่อย่างไร ผู้กำหนดชะตาที่แท้จริงคือ “สโมสรสมาชิก” ผู้มีสิทธิเลือกตั้งคือผู้กำหนด
ไม่เช่นนั้นทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่วังวนเดิมดังเช่นปัจจุบัน.
โจโจ้