หน้าแรกแกลเลอรี่

"ปธ.น่าน เอฟซี" เผยบทลงโทษสูงสุดแข้ง ยู-18 หากผิดจริง คุณแม่คู่กรณีเอาเรื่องถึงที่สุด (คลิป)

ไทยรัฐออนไลน์

7 ก.พ. 2566 06:00 น.

"สาธิต บุญทอง" ประธานสโมสรฟุตบอล "น่าน เอฟซี" ออกมาเปิดเผยรายละเอียดที่มีข่าวว่าแข้งรุ่น ยู-18 ของทีมไปรุมทำร้ายหนุ่มอายุ 17 ปี ด้านคุณแม่ของน้องที่ถูกทำร้าย ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

หลังจากที่เกิดเหตุกลุ่มเยาวชนทำร้ายกันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหนัก 1 ราย นอนหมดสติ เมื่อคืนวันที่ 29 มกราคม 2566 เวลา 01.30 น. บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน แยกสายสวรรค์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน กู้ชีพกู้ภัยเร่งนำส่งรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลน่าน แพทย์แจ้งญาติว่ากรามหัก ฟันหัก 2 ซี่ ปากแตกลึก 2 เซนติเมตร แขนซ้ายหัก 1 ท่อน นอนสลบอยู่ 1 วัน ซึ่งล่าสุด รายการเคลียร์ริมเส้น ของไทยรัฐสปอร์ต ได้สัมภาษณ์ สาธิต บุญทอง ประธานสโมสรฟุตบอล น่าน เอฟซี และคุณแม่ของน้องที่ถูกทำร้าย ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

สาธิต บุญทอง กล่าวว่า "จริงๆ เราเพิ่งมาทราบเรื่องทีหลัง เพราะว่าวันนั้นเราแข่งเสร็จ ก็ปล่อยเด็กกลับบ้าน ซึ่งเด็กวัยนี้เราไม่สามารถจะไปคุมทีม เพราะถ้าวันปกติเราจะสามารถควบคุมได้ เพราะกินนอนอยู่ด้วยกัน ทีมชุดนี้คือทีมชุดรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ที่ไม่ใช่ชุดใหญ่ของสโมสร ซึ่งตรงนี้เราพยายามจะให้โรงเรียนดูแล แต่เราก็ไม่โทษโรงเรียน ถึงเวลาพักเสาร์-อาทิตย์ เราก็ปล่อยกลับบ้าน หลังจากพอทราบเรื่องปุ๊บ ผมก็ดำเนินการทันทีคือเราประชุม แล้วก็ดร็อปเด็กทั้งหมด 6 คน เราก็บอกโค้ชให้รับทราบตรงนี้ ฟุตบอลเหลือกี่คนไม่เป็นไร บอลแพ้เป็นแพ้ ชนะเป็นชนะ ไม่ต้องมาซ้อมเลยนะ ไม่ต้องมาเห็นหน้ากัน ให้หยุดไปก่อน โดยที่ยังไม่ได้ไปสอบสวนอะไร คุณยังไม่ต้องซ้อมเลย เราและผู้ปกครองต้องมาช่วยหาสาเหตุหาที่มาทุกอย่างเพื่อเข้ามาต่อสู้กันในตรงนี้ เพราะตอนนี้เรื่องคดีต่างๆ มันยังไม่จบ เราก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจ"

"ซึ่งตามที่เราได้สอบถามจากเด็กเรา เราก็ถือว่าเราเด็กเราไม่ได้เป็นอย่างที่มีข่าวแบบนั้น มันยังมีอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งมันต้องให้ตำรวจไปหาข้อมูลมาเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นจากตรงนั้น ซึ่งเราต้องนิ่งและฟังให้จบซะก่อน ถ้าผิดเราก็ออกแถลงการณ์ยอมรับผิด เรารู้เด็กวัยนี้เป็นวัยที่คะนองควบคุมยากนิดนึง แต่เราก็พยายามที่จะสอนในเรื่องของการใช้ชีวิตในโลกนี้ว่า เมื่อมาถึงจุดและจะต้องก้าวต่อไป เราจะต้องทำตัวยังไง ส่วนเรื่องดื่มเรื่องกิน เราก็พยายามจะเตือนกันตลอดว่ายังไงซะก็อย่าดื่ม และการจะไปมีเรื่องมีราวมันไม่คุ้มหรอก แต่เด็กเราก็บอกว่ามันไม่ใช่แบบที่เป็นข่าวกัน ซึ่งตรงนี้เราก็ไม่สบายใจ เราก็ให้ตำรวจสอบ และทีมเราเองก็พยายามเรียกเด็กมาคุย ให้ทางเลขาฯ เรียกมาคุย มาสอบกัน ให้มันชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และก็อยากจะได้คลิป หรืออะไรต่างๆ ก็อยากจะขอมาดู เราก็ให้ตำรวจดำเนินการส่วนหนึ่ง เราก็ดำเนินการส่วนหนึ่งแล้วค่อยมาคุยกัน ถ้าเป็นฝ่ายเราที่ไปเริ่มก่อน เราก็คงจะต้องตัดออกจากสโมสร ต้องให้ออกจากโรงเรียน ซึ่งมีอีกหลายมาตรการที่เราจะต้องทำลงไป"

ขณะที่คุณแม่ของหนุ่มวัย 17 ที่ถูกรุมทำร้ายบอกว่า "ตอนนี้คุณแม่คุยกับน้องได้แล้ว น้องพอที่จะคุยได้แล้ว ตอนนี้ยังต้องทานอาหารผ่านทางสลิงซ์ เพราะฟันโยกหมดปาก ตอนที่เกิดเหตุคือวันเสาร์แล้วฟื้นขึ้นมาวันจันทร์ ซึ่งก็ยังพูดไม่ได้ คุณหมอก็ได้ถอนฟันบางส่วนออกไปตามอาการ มีอาการแขนหัก กรามหัก ส่วนฟันด้านในหัก และก็ปากฉีกลึก 2 เซนติเมตร จริงๆ แล้วต้องยอมรับเลยว่าลูกของคุณแม่ไม่ใช่ว่าเป็นคนดี 100% ชอบกิน ชอบเที่ยว เป็นคนใจร้อน และเป็นเด็กเกเรคนหนึ่ง ในอดีตก็เคยมีเรื่อง แต่ก็ไม่ถึงกับหนักหนาอะไร และเขาเป็นคนที่ถ้าใครไม่หาเรื่องก่อนก็จะไม่มีเรื่อง ในโรงเรียนก็เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาท แต่ก็ไม่ถึงกับหนักสาหัสแบบนี้ แล้วมีวันที่ได้ขอออกไปเที่ยว ไปกับเพื่อนๆ อีก 5-6 คน"

"ตอนที่เกิดเหตุคือคุณแม่ก็อยู่บ้าน พอรู้ก็มาสอบถามน้องทีหลัง และบอกว่าตอนนั้นร้านอาหารปิดแล้ว แล้วเขาก็ขอเข้าห้องน้ำก่อนที่จะกลับ พี่เขาก็มาชี้หน้าหาเรื่อง และมีการทะเลาะกัน แต่หลังจากนั้นไม่นานก็แยกแล้ว แต่ก็เหมือนจะไม่จบ ก็คือมีการแชต โทรนัดกันออกมาตัวต่อตัวกัน ตอนแรกก็นัดกันที่สถานที่ๆ หนึ่ง แต่ปรากฏว่าลูกชายไม่ไป ก็เลยถามลูกชายกลับมาว่าตอนนี้อยู่ไหน ซึ่งเขาก็ตอบว่าพิกัดที่เขาอยู่ในตอนนั้นไป ซึ่งตอนนั้นลูกชายอยู่กับเพื่อน 1 คน แต่ในข่าวบางที่อาจจะบอกว่า 2 คน หรือ 3 คน พอไปถึงก็กะว่าจะนัดตัวต่อตัว เพื่อจะได้จบๆ ตอนลูกชายไปถึงก็เห็นว่าคู่กรณีนั่งอยู่คนเดียวแหละ ก็เลยลงรถไป และหลังจากนั้นคนก็ออกมาจากไหนอีกไม่รู้เต็มไปหมด หลังจากนั้นลูกชายก็โดนรุม หลังจากนั้นก็สลบและไม่รู้เรื่องอะไรอีก"

"ลูกชายบอกไปตอนก่อนจะไปไม่คิดว่าจะโดนรุม ซึ่งคุณแม่คาดว่าเขาน่าจะคิดไตร่ตรองแล้วที่จะรุมตั้งแต่ตอนแรก ตอนนี้สารภาพว่าทำจริงแล้ว 7 คน ซึ่ง 1 ใน 7 คนนี้ที่โทรมาหาเคยเป็นเพื่อนอยู่ในกลุ่มเดียวกันตอนอยู่โรงเรียนมัธยมต้น ซึ่งตอนนั้นน้องก็อัดเสียงไว้ตอนที่คุยกัน ซึ่งตอนนี้คุณแม่มีคลิปเสียงเก็บไว้แล้วเตรียมส่งให้กับตำรวจเรียบร้อยแล้ว คุณแม่ไม่ได้ติดใจว่าใครจะเรื่องมีก่อนยังไง แต่คุณแม่ติดใจตรงที่นัดกันตัวต่อตัว แต่ทำไมถึงต้องรุม เพราะถ้าตัวต่อตัวและมีอาการเจ็บสาหัส คุณแม่ก็จะไม่ติดใจเอาความ ตอนนี้ทางตำรวจก็ทำหน้าที่ถึงที่สุดของเขา ก็ได้หาหลักฐาน ได้เรียกตัวคู่กรณี หลักๆ อยากให้ลูกชายให้หายดีก่อน แล้วไปให้ปากคำด้านฝั่งของเรา ซึ่งเราจะต้องการจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด"

"ตอนนี้เรายังไม่ได้คุยกับผู้ปกครองฝ่ายคู่กรณี หรือเราก็ยังไม่ได้มีการไกล่เกลี่ยกันใดๆ ทั้งสิ้น รอให้หายก่อน ซึ่งก็มี 1 ใน 7 คนที่มาเยี่ยม แต่เขาบอกว่ามี ใน 7 คนนี้มีปฏิเสธอยู่ 1 คน ที่ว่าไปเฉยๆ แต่ว่าได้ทำอะไร แต่ก็ยังไม่ได้อะไรทั้งสิ้น ที่เหลือก็จะมีคุณครูที่โรงเรียนของคู่กรณีและก็โค้ชของสโมสร น่าน เอฟซี ซึ่งสโมสรก็ได้บอกว่ามีการลงโทษ ก็ได้มีการทำทัณฑ์บนถอนออกสัญญา ตอนนี้พักการเล่น ระหว่างดำเนินคดี สุดท้ายนี้เราก็รู้ว่าลูกเราเป็นคนเกเกร เราก็สอนลูกอยู่ทุกวัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะรับฟังหรือไม่รับฟัง ส่วนทางฝั่งคู่กรณี เราอยากให้พวกเขาสงสารพ่อแม่บ้าง อนาคตกำลังจะไปไ้ด้ดี เป็นตัวแทนของจังหวัดด้วย".