หน้าแรกแกลเลอรี่

ช้างศึกยึดบัลลังก์เจ้าอาเซียนสมัย 7

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

22 ม.ค. 2566 05:13 น.

บทสรุปฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ “เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริคคัพ 2022” “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ผงาดคว้าแชมป์แบบไร้ข้อกังขา

เป็นการครองบัลลังก์เจ้าอาเซียน สมัยที่ 7 ต่อจากปี 1996, 2000, 2002, 2014, 2016, 2020

และครั้งนี้ยังทำสถิติเป็นแชมป์ 2 สมัยติดต่อกัน เป็นครั้งที่ 3 อีกด้วย

ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นหลายฝ่ายเป็นกังวลเรื่องตัวนักเตะ ซึ่งรายการนี้ไม่ได้อยู่ในปฏิทินการแข่งขันของ “ฟีฟ่า เดย์” จึงทำให้นักเตะชื่อดังหลายคนไม่ได้รับการปล่อยตัวจากสโมสรใหญ่

แต่ที่สุดแล้วแม้ว่าจะ “ไม่ฟูลทีม” ช้างศึกก็สามารถไปได้ถึง “แชมป์อาเซียน” ได้อีกคำรบ

ในรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติไทยอยู่ในกลุ่มเอ ประเดิมคว้าชัยแมตช์แรกด้วยการถล่มชนะ บรูไน 5-0 ในการไปเล่นที่ประเทศมาเลเซีย จากนั้นเกมที่ 2 กลับมาเปิดบ้านถล่มชนะ “ตากาล็อก” ฟิลิปปินส์ 4-0 เกม 3 ออกไปยันเสมอ “อิเหนา” อินโดนีเซีย 1-1 ที่สนามสุดโหดอย่างเกโลรา บุงการ์โน สเตเดียม หรือชื่อเดิมคือ “สนามเสนายัน” ก่อนที่นัดสุดท้ายจะกลับมาถล่ม กัมพูชา 3-1 ที่ธรรมศาสตร์ สเตเดียม

พวกเขาจบรอบแรกด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเอ ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบ “เสือเหลือง” มาเลเซีย ซึ่งเป็นรองแชมป์กลุ่มบี แม้เกมแรกไทยจะออกไปพ่ายแพ้ก่อน 0-1 ที่บูกิต จาลิล แต่เมื่อกลับเข้าบ้าน ช้างศึกก็เค้นฟอร์มอันแท้จริงออกมาด้วยการเชือดเสือเหลืองขาดลอย 3-0 พร้อมกับทะยานเข้ารอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-1

คู่ต่อสู้ในรอบชิงชนะเลิศก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น “ดาวทอง” เวียดนาม คู่รักคู่แค้นตลอดกาลนั่นเอง

2 เกมสุดท้าย มีตำแหน่งเบอร์ 1 อาเซียนเป็นเดิมพัน

เกมรอบชิงฯนัดแรก ที่มี ดิงห์ สเตเดียม กรุงฮานอย ทีมชาติไทยออกไปทำเซอร์ไพรส์ด้วยการบุกไปเสมอ 2-2 พร้อมกับกุมความได้เปรียบด้วยการตุนประตูทีมเยือนได้ถึง 2 ลูก

สุดท้ายขุนพลนักเตะทีมชาติไทยก็กลับมาปิดจ๊อบคว้าเจ้าอาเซียนต่อหน้าแฟนๆชาวไทยได้สำเร็จ ด้วยการเชือด “นักเตะสกุลเหงียน” 1-0 จากประตูชัยของ “เจ้าอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมที่ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้นั่นเอง ส่งผลให้ทีมชาติไทยเอาชนะไปด้วยประตูรวม 3-2 ผงาดขึ้นเถลิงบัลลังก์แชมป์อาเซียนสมัยที่ 7 ได้อย่างสมศักดิ์ศรี

ถึงตอนนี้ ทีมชาติไทย คือ “เบอร์ 1” ของภูมิภาคอาเซียนอย่างเต็มภาคภูมิ

“เวียดนาม” จะเหนือกว่าก็แค่ “อันดับโลก” เท่านั้น

ในส่วนสถิติติดตัวของนักเตะไทยนั้น ก็การันตีถึงความสุดยอด “เทพมุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา เป็นดาวซัลโวตลอดกาลของรายการนี้ด้วยจำนวนประตูรวม 25 ประตู ขณะที่ “เจ้าตัง” สารัช อยู่เย็น ก็กลายเป็นราชาอาเซียนไปแล้ว เมื่อเขาเป็นนักเตะคนแรก และคนเดียวที่สามารถชูถ้วยแชมป์ได้มากถึง 4 หน ในปี 2014, 2016, 2020 และล่าสุด 2022

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โก๋อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีม ที่แสดงให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าคลาสบอลของเขาขึ้นไปอยู่ในระดับเอเชียแล้ว ตำแหน่ง MVP ที่เขาได้รับ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ “มาโน โพลกิง” กุนซือใหญ่ของทีม แม้จะได้รับเสียงชื่นชมอยู่บ้าง แต่สัญญาจ้างของเขาก็กำลังจะหมดลงเช่นเดียวกันในเดือน มิ.ย. ที่จะถึงนี้ คงต้องจับตามองกันต่อไปว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

และแน่นอนที่ไม่เขียนถึงไม่ได้ก็คือ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ซึ่งกราวกีฬาไทยรัฐขอใช้คำเปรียบเทียบว่าเป็น “ผู้กุมชะตาช้างศึก” ยุคนี้

เธอคนนี้ทำงานด้วยแพสชันอันแรงกล้า ทุ่มเทสรรพกำลังทุกอย่างให้กับทีม เงินที่นักเตะได้จากทั้งหมด 35 ล้าน ก็มาจากเธอผู้นี้คนเดียวถึง 20 ล้าน

ซึ่งหลังจากคว้าแชมป์อาเซียน “แม่แป้ง” ก็เปรยๆแบบน่ารักว่า

“ในฐานะคนที่ทำฟุตบอลมา 10 กว่าปี ก็อดคิดไม่ได้ว่าจะขอพาทีมไทยไปฟุตบอลโลก สักครั้ง ไหนๆในฟุตบอลโลก 2026 โควตาของทีมจากทวีปเอเชียนั้นก็เพิ่มขึ้นเป็น 8 ทีมแล้ว ถ้าบอกว่าแป้งไม่แอบคิดก็คงจะโกหก”

นั่นเป็นเรื่องของอนาคตที่ต้องมีการวางแผนและเตรียมตัว

ความสำเร็จใน “เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริคคัพ 2022” นอกเหนือจากความภาคภูมิใจของแฟนบอลชาวไทยแล้ว ยังทำให้เชื่อได้ว่า “ช้างศึกของเรา” กลับมาอยู่ในร่องในรอยอย่างที่ควรจะเป็นเสียที

เรากลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะต้องอยู่อีกครั้ง

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตุปัดตุเป๋ไปพอสมควร.