หน้าแรกแกลเลอรี่

มาไม่มา

เบี้ยหงาย

21 ก.ย. 2565 05:04 น.

นับถอยหลังกันแล้ว ใกล้เวลาลงสนามกันเต็มทน กับศึกใหญ่ของเมืองไทย “ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ” ครั้งที่ 48 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ในวันที่ 22 และ 25 ก.ย. ซึ่งทุกทีมพร้อมกันเต็มที่แล้ว

โดยนักเตะทีมชาติไทย ซึ่งรวมถึง 2 ผู้เล่นจาก “เจลีก” “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ “เช็ก” สุภโชค สารชาติ รวมถึง “ตั๊ก” สุมัญญา ปุริสาย มิดฟิลด์จากชลบุรี เอฟซี ซึ่ง มาโน โพลกิง เฮดโค้ชเรียกมาแทนสารัช อยู่เย็น ของบีจี ปทุมยูไนเต็ด เป็นคนสุดท้าย ก็ได้ซ้อมร่วมกันเรียบร้อย

ฟุตบอล “คิงส์คัพ” ครั้งนี้ นับว่ามีความสำคัญยิ่ง ทั้งในแง่ของเกมการแข่งขันของทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่จะเล่นเป็นทางการกับรายการที่ใหญ่สุด และเก่าแก่ยิ่งของเมืองไทย แม้เป็นเกมช่วงฟีฟ่าเดย์ เช่นเดียวกับเกมอื่นๆที่เคยมีการอุ่นเครื่อง แต่ความสำคัญนั้นย่อมแตกต่างแน่นอน

ยิ่งเราห่างหายจากศึกคิงส์คัพไปนานพอควร อันเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ครั้งหลังสุดเตะกันเมื่อ 5-8 มิ.ย. ปี 2562 ที่ จ.บุรีรัมย์ และมีสถิติที่ไม่ดีเอาเลย นัดแรกแพ้เวียดนาม 0-1 ไปชิงที่ 3 กับอินเดียก็แพ้ไปอีก 0-1 ได้อันดับสุดท้ายของรายการ โดยกือราเซาได้แชมป์ และเวียดนาม รองแชมป์

รวมทั้งระยะหลังๆฟุตบอลทีมชาติไทยในหลากหลายรุ่นอายุ ดูจะไม่ประสบความสำเร็จนัก ซึ่งผลงานย่อมมีอิทธิพลต่อศรัทธาของแฟนบอล และไม่เพียงแต่ทีมฟุตบอลชาติไทย ยังหมายรวมถึง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ผู้กำกับดูแล

อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณที่ดีเยี่ยม ที่แฟนบอลไทยยังคงให้โอกาสและรอคอยกับการกลับมาของทีมชาติไทยอันเป็นที่รัก สะท้อนได้ชัดเจนกับความต้องการบัตรเข้าชมการแข่งขันของแฟนๆ

โดยฟุตบอลคิงส์คัพครั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ที่นำโดย “นายก๊อง” พิชัย เลิศพงศ์อดิศร จัดร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และขายบัตรเอง แบ่งบัตรขายกี่รอบๆก็เกลี้ยง วันแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต คนมารอต่อคิวจนล้น

ตอนนี้ที่เหลืออยู่เป็นบัตรที่จะเปิดจำหน่ายหน้าสนามในวันที่ 22 ก.ย. และ 25 ก.ย. เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป บัตร ALL โซน ราคา 100 บาท (ฝั่งไม่มีหลังคา) และ 150 บาท (ฝั่งมีหลังคา) อีกจำนวน 2,000 ใบ โดยวางระเบียบไว้ บัตรแต่ละวันสามารถเข้าชมการแข่งขันได้ 2 คู่, บัตรที่นั่งไม่ระบุหมายเลข แต่ระบุโซนที่นั่ง และหากทำบัตรหาย หรือไม่ได้นำบัตรไปเข้าชม จะต้องซื้อใหม่ทุกกรณี

เรียกว่าบรรยากาศ อารมณ์ร่วมมาแล้ว อยู่ที่ผลงานและเกมในสนาม จะตอบสนองต่อแฟนบอลได้ขนาดไหน เป็นโอกาส (อีกครั้ง) ของทีมฟุตบอลชาติไทย และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในฐานะผู้รับผิดชอบจะกอบกู้ศรัทธาได้หรือไม่ และจะทำให้คนไทยมีความสุขได้รึเปล่า

ใครมีบัตรได้ไปชมที่สนามต้องถือว่าเฮง แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เปิดไทยรัฐทีวีดูคู่ไทยเตะ หรือ เอไอเอสเพลย์ (ครบทุกคู่) เชียร์กันสดๆได้อรรถรสไม่แพ้กัน รอกันได้เลย 22 ก.ย. 17.30 น. ทีมชาติ ตรินิแดดและโตเบโก พบทีมชาติทาจิกิสถาน ถัดไป 20.30 น. ทีมชาติไทยพบทีมชาติมาเลเซีย และ 25 ก.ย. คู่ชิงที่ 3 เริ่ม 17.30 น. ส่วนคู่ชิงชนะเลิศเตะ 20.30 น.

ถึงตอนนี้เชื่อว่าแฟนบอลรอคอยอย่างใจจด ใจจ่อ ไม่มีใครยอมพลาดแน่นอน แต่ที่น่าห่วงและต้องลุ้นกัน ก็ท่านนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯนี่แหละ ลองเดากันดู ท่านจะออกจากมุมมืดซุ่มอยู่หน้าจอมาอวดโฉมเชียร์ “ช้างศึก” ร่วมกับแฟนบอลที่ขอบสนามกันสักครั้งไหม...

“เบี้ยหงาย”