“มาจูจายา โบลา”

เอ่ยชื่อนี้หลายๆคนคงจะสงสัยเหมือนผมช่วงแรกว่าคืออะไร? พอได้มาสัมผัสและรับฟังถึงแก่นความคิด ผมยอมรับว่าเป็น “รูปแบบใหม่” ของการพัฒนากีฬาในประเทศไทย

“ผมต้องการทำโครงการให้มีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับเป้าหมายด้านการพัฒนาและสร้างโอกาส พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ 5 จังหวัดของภาคใต้ ตามแนวทางที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้ให้นโยบายเอาไว้ เราจึงมาทำโครงการที่ต้องการสื่อสารกับพี่น้องในพื้นที่ว่าเป็นการสร้างโอกาสที่สำคัญให้กับเยาวชนและครอบครัว”

เป็นคำกล่าวของ “พี่ใหญ่” สิรภพ ดวงสอดศรี ที่ปรึกษา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ที่นั่งเก้าอี้ประธานโครงการ “มาจูจายา โบลา” อีกทั้งเป็นคน จังหวัดปัตตานีโดยกำเนิด

ที่มาของชื่อ “มาจูจายา” เป็นภาษายาวี ที่แปลได้ความหมายไพเราะว่า สว่างไสว ความเจริญงอกงาม มาผสมกับคำว่า “โบลา” คือ ฟุตบอล เมื่อสองคำมารวมกัน คือ “มาจูจายาโบลา” ที่ถอดความหมายมาได้ว่า ต้องการให้เกิดความสว่างไสว ศิวิไลซ์ ด้วยกีฬาฟุตบอล ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สงขลา ปัตตานี สตูล ยะลา และ นราธิวาส

โครงการนี้ไม่ใช่แค่การจัดแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรายการหนึ่ง แต่กลายเป็นการพัฒนาอย่างบูรณาการ มีโมเดล รูปแบบการพัฒนาให้เคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรม

โครงสร้างโครงการจะประกอบไปด้วยผู้บริหาร โค้ช และนักกีฬา ทุกคนจะถูกเข้ามาสู่ กระบวนการปรับเปลี่ยนแนวคิดในการจัดการสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ถูกต้อง

ผู้บริหารมีหลักสูตรการเรียนเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของท้องถิ่น แต่เข้าใจแนวทางวิถีลูกหนังอาชีพ โค้ชเองจะมีการปรับ ให้กระบวนทัศน์ในการสอนเด็กที่พัฒนาขึ้น มีการจัดอบรม รวมถึงส่งเสริมให้เข้ามาเรียนในระดับ AFC Coaching Licenses น้องๆ เยาวชนจะถูกกระบวนการดังกล่าวคัดกรองมา เป็นอย่างดีจนมาเป็นตัวแทนจังหวัดเข้าแข่งขัน ในระบบลีกของกลุ่ม 5 จังหวัด

ออกไปเหย้า-เยือนกันเองในพื้นที่ พ่อแม่ ผู้ปกครองก็ขนกันไปเชียร์ลูกหลานถึงขอบสนาม กลายเป็นกิจกรรมครอบครัวในวันหยุด เท่านั้นยังไม่พอ ฝ่ายจัดฯส่งโค้ชระดับโปรไลเซนส์ลงไป ซุ่มมองฝีเท้าน้องๆ เพื่อคัดเลือกหัวกะทิมาเข้าสู่ โครงการศูนย์บ่มเพาะนักกีฬาฟุตบอลเยาวชนชั้นเลิศ (Excellent Center) ของฝ่ายกีฬาอาชีพ การกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ทำโครงการนี้ต่อเนื่อง มากว่า 5 ปี

แค่เห็นรูปแบบและแนวทางปฏิบัติ ผมว่าในประเทศเราการมีโครงการในรูปแบบนี้ แทบจะ หาไม่ได้ หรือไม่มี หรือจะมีก็น้อยมากๆ ในมิติบูรณาการเช่นนี้

ปีนี้มาถึงซีซัน 2 ที่จะเริ่มโหมโรงด้วยการ แถลงข่าวในวันที่ 16 ส.ค.นี้ ที่ จ.ปัตตานี ผมยิ่งได้ เห็นวงล้อของความสว่างไสวหมุนไปข้างหน้า น้องๆรุ่นที่แล้วบางคนกำลังจะได้ไปทั้งทดสอบฝีเท้าและฝึกทักษะที่คอนซาโดเล ซัปโปโร แถมยังแว่วว่า มีสโมสรในเอ็มลีกมาเลเซียให้ความสนใจเด็กๆในโครงการด้วย

ผมขอชื่นชมผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ว่าการ กกท. ก้องศักด ยอดมณี และหัวใจสำคัญของโครงการนี้ “รองน้อย” ทนุเกียรติ จันทร์ชุม เป็นแม่งานใหญ่

ขับเคลื่อนจากโมเดลกลายเป็นรูปธรรมที่ปรากฏและกำลังต่อยอดไปในอนาคต.

บี บางปะกง