บี บางปะกง
เสร็จสิ้นภารกิจล่าทองในกีฬาซีเกมส์ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับขุนพลลูกหนังทีมชาติไทยทั้งชายและหญิง
จากทั้งหมด 4 เหรียญทอง เราได้มา 2 ทอง จาก “ฟุตซอล” ล้วนๆ ที่ยังคงรักษามาตรฐาน ความเป็นสุดยอดโต๊ะเล็กแห่งภูมิภาคอาเซียนเอาไว้ได้ต่อไปเป็นสมัยที่ 5
ส่วนที่อกหักพลาดหวังไปอย่างน่าเสียดาย ก็คือ “ฟุตบอล” ทั้งทีมชาย และทีมหญิง ที่ต่าง ปราชัยเจ้าภาพ เวียดนาม ในรอบชิงชนะเลิศเรียบวุธ
ได้แค่เหรียญเงินกลับบ้านเป็นการปลอบใจ!!
สำหรับทีมชบาแก้วไปไม่ถึงดวงดาวก็จริง แต่มาตรฐานการเล่นโดยรวมถือว่าพัฒนาขึ้นมาจากศึกชิงแชมป์เอเชียเมื่อต้นปีอย่างชัดเจน
โค้ชมิโยะ จากแดนอาทิตย์อุทัย มีรูปแบบการทำทีมที่ดูดีมีอนาคตไม่น้อย
นี่ถ้าผู้ใหญ่ใจดีหรือผู้จัดการทีมเอาใจใส่คอยซัพพอร์ตมากกว่านี้สักหน่อย รับประกันซ่อมฟรีว่าไปโลดแน่!!
ขณะที่บอลชายก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาเตรียมทีมอันน้อยนิด บวกกับผู้เล่นที่มีใช้งานอย่างจำกัดจำเขี่ย
การทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศมาได้อย่างนี้ ผมเชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่น่าจะเข้าใจดี และคงไม่มีใครใจร้ายไปต่อว่าด่าทอให้ต้องเจ็บกระดองใจกัน (อีก) อย่างแน่นอน
มีแต่จะให้กำลังใจกับการเตรียมตัวลุยทัวร์นาเมนต์ต่อไป ที่กำลังจ่อรอเราอยู่ในสัปดาห์หน้า
กับศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ซึ่งจะระเบิดแข้งกันที่กรุงทาชเคนต์ ประเทศอุซเบกิสถาน ระหว่างวันที่ 1–19 มิ.ย.นี้
โดยแข้งช้างศึกยู-23 จะกลับไปอยู่ภายใต้ การคุมทัพของ “โค้ชโย่ง” วรวุฒิ ศรีมะฆะ กุนซือใหญ่ ตัวจริงเสียงจริงของทีมชาติในรุ่นนี้ กับผู้ช่วยอย่าง “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์
และ ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย เฮดโค้ช รูปหล่อจากทีมชาติไทย ยู-19 ที่ถูก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผจก.ทีม เรียกมาเป็นหนึ่งในทีมงานเฉพาะกิจของทีมชุดนี้ด้วย
นัยว่าเพื่อเป็นการลดกระแสกดดันจากแฟนบอลที่มีอคติในตัว “โค้ชโย่ง” ให้ลดน้อยลง ไปบ้างไม่มากก็น้อย
ซึ่งจะว่าไปขุมกำลังของทีมยู-23 ถือว่าไม่ธรรมดาเลย!
ผู้เล่นจากชุดรองแชมป์ซีเกมส์ ไม่ว่าจะเป็น เบนจามิน เดวิส, โจนาธาน เข็มดี, ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช, เอกนิษฐ์ ปัญญา, พาตริก กุสตาฟส์สัน, อิรฟาน ดอเลาะ รวมทั้ง กรวิชญ์ ทะสา
ถือว่า “สอบผ่าน” รอยืนเป็นตัวหลักต่อเนื่อง ที่อุซเบฯกันได้เลย
ยิ่งได้มารวมกับแข้งตัวแกร่งจากบิ๊กทีมที่รออยู่ อย่าง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, สิทธิโชค ภาโส, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และผู้เล่นดาวรุ่งชลบุรีอีกบางส่วน
เชื่อเถอะว่าช้างศึกพลังหนุ่มชุดนี้ ไม่เป็นสองรองใครแน่ๆ และจะพะบู๊กับคู่ต่อกรทุกชาติในเอเชียได้อย่างสนุกสูสีไม่แพ้ใคร
ซึ่งโปรแกรมการแข่งขันของทีมชาติไทย ยู-23 ในรอบแรก มีดังนี้
วันที่ 2 มิ.ย. พบกับเวียดนาม เวลาไทย 22.00 น. ที่บุนยอดกอร์ สเตเดียม
วันที่ 5 มิ.ย. พบ ทีมชาติมาเลเซีย เวลาไทย 22.00 น. ที่บุนยอดกอร์ สเตเดียม
และวันที่ 8 มิ.ย. เวลา 20.00 น. เจอกับ “แชมป์เก่า” เกาหลีใต้ ที่ปัคห์ตากอร์ สเตเดียม
ส่วนจะถ่ายทอดสดช่องทางไหนมาให้พวกเราได้ลุ้นเชียร์ ก็ต้องคอยติดตามกัน
แต่ดูจากคิวเตะในรอบแบ่งกลุ่มแล้ว แค่ 2 นัดแรก ล้างตาแข้งเหงียน กับ เสือเหลือง ที่ฝากรอยแค้นเอาไว้ในซีเกมส์ให้ได้
แฟนลูกหนังชาวไทย...ก็นอนตาหลับแล้วล่ะ!!!
บี บางปะกง