บี บางปะกง
เดินหน้าล่า 3 แต้ม...จากกัมพูชา ในวันเสาร์นี้ (14 พ.ค.) เพื่อการเข้าสู่รอบตัดเชือกให้ได้ สำหรับขุนพลนักเตะทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ 2021 ที่กำลังแบกภารกิจอันหนักอึ้งไว้เต็มสองบ่า
การถล่มลอดช่อง สิงคโปร์ ด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 5-0 อาจจะยังไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุด
แต่นั่นก็ช่วยเรียกความมั่นใจจากพลพรรค ช้างศึกชุดยังเติร์กทีมนี้ขึ้นมาได้อักโข
อย่าลืมว่าผู้เล่นของทีมชุดนี้ โดยเฉพาะ 11 คนแรก จริงๆแล้วถ้าว่ากันด้วยดีกรีและฝีเท้าของแต่ละคนถือว่าไม่ธรรมดาเลย
เพียงแต่พวกเขามีเวลารวมตัวฝึกซ้อมร่วมกัน น้อยไปหน่อย ทำให้หลายอย่างต้องค่อยๆปรับจูน กันไปในแต่ละเกมให้ดีที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องทีมเวิร์กและความไหลลื่นของการต่อบอลจะดูเนียนตามากยิ่งขึ้นตามจำนวนแมตช์ที่ลงสนาม
ซึ่งก็หวังใจว่าเราจะไปพีกกันในรอบตัดเชือก ไปจนถึงนัดชิงเหรียญทองกันโน่นเลย!!
ถ้ามองในแง่ดี...ตามทฤษฎีของบอลทัวร์นาเมนต์ ทีมที่แพ้ตั้งแต่นัดแรกมีเยอะแยะ ไปที่พลิกสถานการณ์กลับมาเป็น “แชมเปียน” ได้ในท้ายที่สุด
2 เกมของศึกซีเกมส์แดนเหงียนที่ผ่านมา สำหรับผมถือว่าน้องๆโชว์ฟอร์มได้ไม่ขี้เหร่
หลายคนงัดศักยภาพของตัวเองออกมาโชว์ ให้เห็นว่าพวกเขามีดีพอที่จะวัดกับคู่ต่อกรชาติอื่น ในอาเซียนได้อย่างไม่อายใคร
นักเตะสายเลือดใหม่อย่าง แพทริค กุสตาฟส์สัน แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวพักบอลชั้นดี
“เจ้าบุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา เรียกฟอร์มเก่ง ของตัวเองกลับคืนมากับการรับใช้ชาติแบบเต็มๆ หลังจากที่ซัดเบิ้ล 2 ลูก ในเกมดับลอดช่อง
ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกไปถึงทีมชาติชุดใหญ่ด้วยว่า เขากำลังจะกลับมาเป็น “เด็กระเบิด” คนเดิม ที่ช้างศึกฝากความหวังไว้ได้เต็มร้อย เหมือนตอนก่อนจะบาดเจ็บไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
เช่นเดียวกับ “จารย์เตอร์” วีระเทพ ป้อมพันธ์ สุดยอดเพลย์เมกเกอร์ “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่กลายเป็นตัวปั้นเกมชั้นไฮคลาส ที่ทีม จะขาดไปไม่ได้
ถือว่าเป็นแข้งโควตาอายุเกินที่โชว์ฟอร์ม สมราคามากที่สุดเลยก็ว่าได้!!
ส่วนอีกคนที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามไม่แพ้ใคร และน่าจะเป็นคนเดียวที่โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งคงเส้นคงวาที่สุด ตลอดทั้งสองแมตช์ ในซีเกมส์ครั้งนี้
ก็คือ “เจ็ท” ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช นักเตะไทยพันธุ์แท้ วัย 21 ปี ที่ไปค้าแข้งในยุโรปกับ สโมสรเอสโตริล ปรายยา ทีมในลีกโปรตุเกส
ตอนแรกผมรู้สึกเฉยๆนะ ที่มีข่าวว่า “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม กับ โค้ชมาโน โพลกิง เรียกตัวเด็กหนุ่มคนนี้มาติดทีมซีเกมส์ เพราะยังไม่เคยเห็นฝีเท้าของเค้าแบบเต็มๆมาก่อน
แต่พอได้ยลฟอร์มการเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวตัดเกม ที่ทั้งดุดันและมีประสิทธิภาพ รู้พื้นที่ตัวเองว่าควรเคลื่อนที่ไปทางไหน จังหวะใด จึงจะมีประโยชน์กับทีมมากที่สุด อย่างเต็มสองลูกกะตาตัวเองเท่านั้นแหละ
ภาพของ “น้าชู” ชูเกียรติ หนูสลุง อดีตแข้งฮาร์ดแมนตัวจริง เสียงจริง ของทีมชาติไทยยุครุ่งเรือง เจ้าของฉายา “รอย คีน เมืองไทย” ลอยมาให้เห็นตรงหน้าทันที
ไอ้คำที่ “บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ ผู้จัดการทีมชาติในตำนาน ชอบบอกว่าการเข้าบอล สไตล์น้าชู มันต้อง “ปั้ก...เข้าให้!” นั่นคือ...ใช่เลยกับ สไตล์ “เจ้าเจ็ท”คนนี้
มีคนเคยบอกไว้ “ฟุตบอลไทยไม่เคยสิ้น... สายเลือดใหม่ฝีเท้าดี” ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
วันนี้...ผมเชื่อแล้วล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริง!!!
บี บางปะกง