บี บางปะกง
ข่าวใหญ่บอลไทยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีประเด็นไหนจะฮอตเท่าข่าวดีของ “กัปตันเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่บรรลุข้อตกลงในการย้ายทีมครั้งสำคัญ (ที่สุด) ในชีวิตค้าแข้ง
จากสโมสร “ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร” ยกระดับไปอยู่กับทีมแชมป์เจลีกญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน อย่าง “คาวาซากิ ฟรอนตาเล”
นี่คือความก้าวหน้าอีกระดับในอาชีพพ่อค้าแข้งของ “เมสซี เจ” ที่ทุกคนสัมผัสได้อย่างแท้จริงครับ!!
จากก้าวแรกบนแผ่นดินซามูไร ในปี 2017 ที่เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดโอกาสให้ซัปโปโรทดลองยืมตัวเพลย์เมกเกอร์ร่างจิ๋วทีมชาติไทยไปเล่นให้ ด้วยมูลค่าเพียง 17-18 ล้านบาทเท่านั้น
ซึ่งตอนแรกก็เชื่อเลยว่า ทีมน้องใหม่เจลีกในขณะนั้นหวังจะดึงเจ้าตัวไปอยู่กับทีมเพื่อผลประโยชน์ทางการตลาด ที่จะดึงฐานแฟนบอลจากเมืองไทยและในย่านอาเซียนให้มานิยมบอลลีกแดนปลาดิบเพิ่มขึ้นมากกว่าจะคาดหวังให้เจ้าตัวมาเป็นแกนหลักในสนาม
แต่เอาไปเอามา “ชนาคุง” กลับกลายเป็น ซุปเปอร์สตาร์ของทีมในเวลาอันรวดเร็ว จนทำให้ซัปโปโรต้องเซ็นสัญญาถาวรกับเขาด้วยค่าตัวกว่า 80 ล้านบาท
ก่อนที่เจ้าตัวจะตอบแทนต้นสังกัดอย่างเกินคุ้มค่า ด้วยการรับบทเป็น “เดอะแบก” ที่ทีมแทบจะขาดไปไม่ได้เลย ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
จนเดี๋ยวนี้แฟนบอลญี่ปุ่นไม่ได้มองว่าแข้งอาเซียนตัวเล็กๆอย่างชนาธิปจะมีประโยชน์เพียงแค่ตัวเชื่อมในการช่วยโปรโมตบอลเจลีกในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น
เพราะเขาได้กลายเป็นตัวจักรสำคัญที่จะกำหนดผลแพ้ชนะของทีมในแต่ละนัดที่ลงสนามกันเลยทีเดียว
สื่อดังแดนอาทิตย์อุทัยไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ หรือสื่อโซเชียล ต่างประโคมข่าวใหญ่การทุ่มซื้อตัวกัปตันทีมช้างศึกในครั้งนี้กันอย่างครึกโครม
เพราะสนนราคาที่ฟรอนตาเลตกลงที่จะจ่ายให้ซัปโปโรมันเป็นตัวเลขสูงลิ่ว 3–3.5 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยก็ตกประมาณ 120–130 ล้านบาท โน่นเลยทีเดียว!!
สื่อรายงานด้วยว่านี่เป็นการจ่ายเงินซื้อตัวผู้เล่นระหว่างสโมสรภายในประเทศที่สูงที่สุดในรอบ 30 ปีของเจลีก
ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ กับนักเตะ“เมด อิน ไทยแลนด์”แดนสยามบ้านเราที่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้ว่า “ชนาธิป สรงกระสินธ์” คือนักฟุตบอลคนแรกของเมืองไทย ที่มีค่าตัวแพงระยับเกินร้อยล้านอัปขึ้นไป
เรียกว่าเป็นตำนานบทใหม่ของวงการลูกหนังบ้านเรา ที่จะสร้างแรงบันดาลใจมหาศาลให้กับนักเตะเยาวชนคนรุ่นหลังได้เจริญรอยตามเส้นทางที่แข้งรุ่นพี่ได้โรยไว้ให้ทุกคนได้เห็นกับตา
สิ่งหนึ่งที่ผมต้องขอชมเชย “เจ้าเจ” ด้วยใจจริง นอกจากเรื่องของการพัฒนาฝีเท้าเล่นฟุตบอลอันก้าวกระโดดแล้ว
ก็คือ “ความกตัญญูรู้คุณ” ที่ฝังอยู่ในจิตสำนึกอันดีงามของเจ้าตัวตลอดเวลา
เจก็ยังเป็นเจคนเดิม ที่ไม่เคยลืมตัว หลงละเลิงไปกับชื่อเสียง เงินทอง อันหอมฟุ้ง
สังเกตได้จากทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์สื่อเจ้าตัวจะเอ่ยถึง “ลุงระวิ โหลทอง” บิ๊กบอสกิเลนผยอง เป็นชื่อแรกอยู่เสมอ
ด้วยสำนึกในบุญคุณของผู้ที่เปิดประตูบานแรกให้เขาได้มีโอกาสมาค้าแข้งในเจลีกอย่างเต็มตัว
ไม่แปลกใจเลยกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในคราวนี้ของ “เจ-ชนาธิป”
“คนที่รู้คุณคน” เป็นที่ตั้ง มักประสบพบเจอแต่ “ความเจริญรุ่งเรือง” จริงๆครับ!!!
บี บางปะกง