บี บางปะกง
สุดยอดเกมลูกหนังชิงเจ้าอาเซียน ระหว่าง ทีมชาติไทย กับทีมชาติเวียดนาม “แชมป์เก่า” เจ้าของเบอร์ 1 แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุคปัจจุบัน กำลังจะลงสนามเตะรอบรองชนะเลิศ นัดแรก กันแล้วล่ะครับ
การคิดผลแพ้ชนะในรอบนี้จะนำสกอร์ทั้ง 2 นัดมารวมกัน ทีมไหนยิงได้มากกว่าก็จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศทันที โดยไม่มีการใช้กฎ “อะเวย์โกล” เหมือนครั้งก่อนๆ
หากเสมอกันสองเกม ก็จะต่อเวลาพิเศษออกไปในแมตช์ที่ 2 ซึ่งถ้ายังไม่มีผลแพ้ชนะอีกก็จะยิงจุดโทษตัดสินเพื่อหาทีมเข้าชิงต่อไป
นี่ถือเป็น “เกม 5 ดาว” บวกๆ ประดุจนัดชิงชนะเลิศในฝัน ที่แฟนลูกหนังทั้งอาเซียนต่างเฝ้ารอคอยอย่างแท้จริง หลังทั้งสองทีมต่างสร้างผลงานในรอบแบ่งกลุ่มได้อย่างสมศักดิ์ศรีทั้งคู่
โดยทีมช้างศึกชนะรวด 4 แมตช์ เก็บ12 คะแนนเต็ม เป็นที่ 1 สายเอเข้ามาตัดเชือก ขณะที่แข้งสกุลเหงียนเป็นเพียงทีมเดียวที่ยังไม่เสีย ประตูให้ใครเลยตลอด 4 นัดรอบแรกที่ผ่านมา
แต่ผลงานเหล่านี้จะไม่มีความหมายใดๆเลย กับทีมที่ต้องอกหักร่วงตกรอบไปในคราวนี้
พูดง่ายๆก็คือ “ไทย VS เวียดนาม”ทีมไหนแพ้นั่นก็คือ “ความล้มเหลว” ของฟุตบอลชาติตัวเอง...ชนิดไม่มีข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้นอีกต่อไปแล้ว
ที่ผ่านมาทัพ “ดาวทอง” ภายใต้การกุมบังเหียนของโค้ชโสม ปาร์ค ฮัง ซอ ครองความเป็น “หมายเลข 1” ของอาเซียนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นแรงกิ้งฟีฟ่า และผลงานที่จับต้องได้ทั้งแชมป์ซีเกมส์, แชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพรวมไปถึงการผ่านเข้ารอบสุดท้าย ศึกคัดบอลโลกเอเชีย
แต่แฟนบอลบ้านเรา รวมถึงตัวผมเองก็ไม่เคยยอมรับอย่างเต็มหัวใจว่าแข้งเหงียนเหนือกว่าเรา เพราะเจอกันทีไรก็สูสีทุกครั้ง
จริงๆแล้วรูปเกมโดยรวมเราน่าจะดูดีกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่ยังกินเค้าไม่ลงสักกะที
ดังนั้น คราวนี้เมื่อเราลงทุนจัดหนัก จัดเต็มด้วยทัพใหญ่ ที่สมบูรณ์ฟูลออปชันที่สุด ลงไปวัดพลัง แล้วยังสยบเวียดนามไม่ได้อีก
ก็คงต้องยอมรับความเป็น “เบอร์ 2”ในภูมิภาคนี้ไปโดยดุษฎีและเพื่อเป็นการเอาฤกษ์ เอาชัยก่อนที่ทีมช้างศึกจะลงสนามพบกับญวน
ผมขอย้อนอดีตกลับไปดูความยิ่งใหญ่ของทีมลูกหนังชาติไทย ในศึกชิงแชมป์อาเซียน ครั้งปฐมฤกษ์ ที่ใช้ชื่อ “ไทเกอร์คัพ” ครั้งที่ 1 เมื่อปี 1996 ซึ่งจัดขึ้นที่แดนลอดช่องแห่งนี้
โดยคราวนั้นทีมชาติไทยภายใต้การนำทัพของ “บิ๊กหอย” ธวัชชัย สัจจกุล โคจรมาตัดเชือกกับทีมชาติเวียดนามและก็เป็นนักเตะไทยที่เป็นฝ่ายโชว์ฟอร์ม “เทพ” ถล่มเอาชนะแข้งเหงียนไปได้ 4–2 โดยออกนำไปก่อนหายห่วงถึง 4 ประตูต่อ 0จากการซัลโวของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, “อัลเฟรด” เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ยิงเบิ้ล 2 ประตู และวรวุธ ศรีมะฆะ
ส่วนเวียดนามยิงไล่มาสองลูกในช่วงท้ายเกมจากโว บวง บู กับเหงียน ฮอง ซอน ทำให้ทีมชาติไทยผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับมาเลเซีย ก่อนจะเฉือนเสือเหลือง 1–0ประเดิมคว้าถ้วยแชมป์อาเซียนไปครองเป็นทีมแรกอย่างเต็มภาคภูมิ
จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านไปแล้ว 25 ปีเต็ม “บอลไทยกับเวียดนาม” ต้องมาเจอกันในรอบรองอีกครั้ง ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์
ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมหรือเรื่องราวจะถูกเขียนขึ้นใหม่
อีกไม่นานได้รู้กันแน่!!!
บี บางปะกง