หน้าแรกแกลเลอรี่

มาด้วยกัน (แต่) ไม่ไปด้วยกัน

บี บางปะกง

4 พ.ย. 2564 05:12 น.

ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ บอลไทย ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากเรื่องการตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายศึกชิงแชมป์เอเชีย แบบโชคชะตาฟ้าลิขิตของขุนพลช้างศึก ยู 23 ปี ชนิดที่ต้องยืมจมูก สปป.ลาว มาช่วยต่อลมหายใจให้อย่างฉิวเฉียดแล้ว

ก็คงเป็นผลงานอันตกต่ำดำดิ่งเหลือเชื่อของทีม “ช้างศึกยุทธหัตถี” สุพรรณบุรี เอฟซี ที่อันดับรูดมหาราชลงไปกองอยู่รองบ๊วยของตารางไทยลีกชนิดหมดสภาพอยู่ ณ เวลานี้

เกิดอะไรขึ้นกับทีมลูกหนังเมืองขุนแผนที่เคยสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนทั้งจังหวัด และเป็นต้นแบบของทีมภูธรที่เติบใหญ่จากโปรวินเชียลลีกจนกลายมาเป็นทีมระดับท็อปของเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อน

พวกเขามีกองเชียร์ “สุพรรณบลัด” ที่เหนียวแน่น น่าอิจฉา ชนิดที่จังหวัดอื่นได้แต่มองตาปริบๆเมื่อได้เห็นภาพอัฒจันทร์ที่สนามกีฬากลาง จ.สุพรรณบุรี ในเวลานั้น ถูกยัดทะนานด้วยผู้คนเรือนหมื่นที่เข้ามาให้กำลังใจทีมรักด้วยแรงศรัทธา แบบไม่ต้องเกณฑ์หรือจ้างให้มาดูเหมือนบางสโมสรใหญ่ที่เราได้เห็นจนชินตา

แต่อนิจจา!! มาดูทีมบอลสุพรรณตอนนี้สิครับ มันแทบไม่เหลือคราบไคลในอดีตที่เคยเกรียงไกรอยู่เลยแม้แต่น้อย จากทีมที่เคยลุ้นพื้นที่แชมเปียนลีกสบายๆ วันนี้ได้กลายสภาพจาก “ช้างศึก” มาเป็น “ช้างสึก” ที่ต้องกระเสือก กระสนดิ้นรนหนีตายยันนัดสุดท้ายอยู่ทุกปี

ตอนช่วงเปิดฤดูกาลที่พวกเขาบุกไปเสมอบุรีรัมย์ถึงถิ่น และเปิดบ้านเอาชนะการท่าเรือ ได้ ผมยังดีใจแทนแฟนบอลเมืองเหน่อว่าปีนี้คงไม่ต้องมาเหนื่อยหนีตกชั้นกันอีกแน่

ที่ไหนได้ 6 นัดหลังสุดพวกเขาแพ้คู่แข่งเป็นว่าเล่น เก็บได้เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น!!

โดยเกมล่าสุดถึงขนาดถูกทีมน้องใหม่ท้ายตาราง อย่างขอนแก่น ยูไนเต็ด บุกมาถล่มพ่ายคาบ้าน 2-4 โดยครึ่งแรกเลียนแบบ “ผีแดงโมเดล” ที่โดนคู่แข่งรัวนำห่างไปชนิดหมดอนาคตถึง 4 ประตูเลยทีเดียว

ทำเอากองเชียร์เลือดสุพรรณเดือดดาลสุดขีด ถึงกับออกมาชูป้ายประท้วงขับไล่ “โค้ชอเดบาโย” ให้พ้นจากเก้าอี้ไปโดยไว เพราะมองว่ากุนซือไนจีเรียรายนี้ไม่ได้ทำอะไรให้ทีมดีขึ้นมาเลย ทั้งที่อยู่โยงกับสโมสรมาหลายปีดีดัก

ปัญหาที่เกิดขึ้นผมได้โทร.ไปคุยกับ “พี่ไว เด่นชัย” สุดยอด ขทร.มือเก๋า เจ้าของพื้นที่ เพราะอยากให้แกถ่ายทอดเรื่องราวบนพื้นที่ “ตะลุยฟุตบอลโลก” ตรงนี้ให้ผู้คนวงนอกได้รับรู้ความจริง

แต่พี่ไวแกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุผลเดียวคือความเป็น “คนสุพรรณบุรี” โดยกำเนิด จึงไม่อยากเขียนถึงความเจ็บปวดของทีมบ้านเกิดด้วยน้ำมือตัวเอง ทั้งที่แกรับรู้ถึงเบื้องหลังเบื้องลึกแห่งความถดถอยของสโมสรแห่งนี้มาโดยตลอด

พี่ไวบอกผมว่า นี่ถ้าวันนี้ทีมลูกหนังเมืองขุนแผนไม่ได้ใช้ชื่อ “สุพรรณบุรี เอฟซี” ล่ะก็ แกคงหวดยับเยินไปแล้ว แต่นี่เพราะคำว่าสุพรรณตัวเดียวมันค้ำคออยู่แท้ๆ จึงทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก

ไอ้ครั้นจะหวังพึ่งท่านรัฐมนตรี วราวุธ ศิลปอาชา อดีตประธานสโมสร ก็ดูเหมือนจะสิ้นหวัง เพราะ “บิ๊กท็อป” ได้โพสต์ตอบแฟนบอลมาแล้วว่า “ผมไม่ได้ยุ่งมานานแล้วนะครับ ไปคุยกับผู้บริหารสิครับ”

เล่นเอามึนตึ้บ!! กันทั้งบาง เพราะถ้าเป็นทีมลูกหนังเมืองขุนแผนแล้ว ไม่ใช่ตระกูล “ศิลปอาชา” ทำ แล้วผู้มีบารมีหน้าไหนจะมาทำวะเนี่ย

สงสัยตอนนี้เนื้อเพลงปลุกใจของจังหวัดคงต้องเปลี่ยนใหม่จาก “มาด้วยกัน ไปด้วยกัน เลือดสุพรรณ...เอ๋ย” เป็น “มาด้วยกัน (แต่) ไม่ไปด้วยกัน” ซะแล้วล่ะมั้ง!!!

บี บางปะกง