ตองเจ
“ใครไม่อายผมอาย” วลีเด็ดของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประมุขลูกหนังไทย ตั้งแต่เข้ามา นั่งเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลใหม่ๆ ที่เห็นทีมไทยพ่ายแพ้ต่อทีมชาติญี่ปุ่น 0-4 ในเกม คัดบอลโลก รอบ 12 ทีมสุดท้ายเมื่อปี 2017 ที่มี
“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นกุนซือตอนนั้น พ่วงด้วยนโยบายที่เจิดจรัส “แฟร์” และความโปร่งใสในการบริหารงานของสมาคมฟุตบอล
ดูเหมือนตอนนั้นทุกคนจะตั้งความหวังไว้สูงริบ และต่างเชื่ออย่างสนิทใจว่า “บิ๊กอ๊อด” จะเข้ามาพัฒนา วงการฟุตบอลไทยให้ก้าวไปสู่อินเตอร์และเป็นมืออาชีพ มากยิ่งขึ้น
สุดท้ายทุกอย่างที่คุยไว้ก็แค่สิ่งที่เพ้อฝันไม่มีอะไรในกอไผ่
ผลงานทีมชาติไทยเริ่มนับถอยหลัง และดิ่งลงเหวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะซีเกมส์ ที่ไทยเคยเป็นพี่เบิ้มก็กลายเป็นอดีตในพริบตา ทุกอย่างตกต่ำกว่าที่คิด
ไม่มีโทรฟี่ให้เห็นหรือหยิบจับได้เหมือนที่ผ่านมา มิหนำซ้ำลีกสูงสุด “ไทยลีก” ก็เริ่มส่อแววที่จะย่ำแย่เช่นกัน หลังไม่ให้ความสำคัญกับลีกภูมิภาค ที่ว่ากันว่าเป็นฐานรากของบอลไทย
การเข้ามาเปลี่ยนชื่อเรียกของลีก รวมถึงทุกอย่างในยุคอดีตที่มี “บังยี” วรวีร์ มะกูดี เป็นนายก ทั้งศูนย์ฝึกที่หนองจอก เพียงเพื่อหวังไม่ให้ซ้ำรอยหรือเป็นการเดินตามก็เท่านั้น
แถมงานยักษ์ใหญ่ที่ “บิ๊กอ๊อด” เปลี่ยนแปลงแบบทุกคนงง! คือการยกเลิกลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่ทางสยามสปอร์ตเคยทำไว้กับทางทรูวิชั่นส์ที่มีมูลค่ามหาศาลถึง 4,200 ล้านบาท
เอาเถอะนั่นมันคือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว และไม่อยากไปรื้อฟื้นขึ้นมาให้เจ็บกระดองใจ
แต่พอเห็นผลงานทีมชาติล่าสุดในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ที่ช้างศึกตกรอบแรกมีคะแนนรองบ๊วยแถมแพ้คู่รักคู่แค้นในอาเซียนทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซีย บอกเลยเจ็บปวดซ้ำสองหลังจากที่ทำลีกไทยตกต่ำ
เอ! แล้วแบบนี้ “อายหรือเปล่าครับ”
อยากถามมันคุ้มค่ากับเงินก้อนโตหรือเปล่ากับการจ้างโค้ชจากแดนปลาดิบ “อากิระ นิชิโนะ” มาเป็นกุนซือใหญ่ แต่ผลงานกลับได้แค่นี้
ถ้าผลงานแบบนี้เอาเงินค่าตัวของ “นิชิโนะ” ไปจ้างโค้ชไทยได้เป็นปี เชื่อว่าผลงานคงไม่ต่างกันเท่าไหร่
แถมล่าสุด “ดาวแดง” เวียดนาม ก็แซงหน้าขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนเรียบร้อยแล้ว และจากการประกาศแรงกิ้งโลกล่าสุด เวียดนาม มีคะแนนทิ้งไทย 30 อันดับ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะผลงานช้างศึกไทยสุดห่วยตั้งแต่ “บิ๊กอ๊อด” เข้ามานั่งเก้าอี้ประมุขลูกหนัง
แล้วแบบนี้ในศึกซีเกมส์ “เราจะรอดมั้ย” เชื่อว่าหลายคนคงตั้งคำถามแบบนี้
“บิ๊กอ๊อด” เป็นประมุขสมาคมฟุตบอล สมัยที่ 2 แต่ผลงานกลับเตี้ยลงทุกวัน
ไม่แปลกใจเลยที่ท่านเคยบอกไว้ว่าอาชีพตำรวจแค่ “ไซด์ไลน์” ดังนั้น การมาเป็นนายกสมาคมลูกหนังไทยก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่
คิดแล้วก็กลุ้มใจกำลังสอง ที่เห็นบอลไทยเป็นแบบนี้.
ตองเจ