จอน บอลไทย
ผมมีโอกาสเดินทางไปเที่ยวที่วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา แต่แทนที่จะตรงกลับกรุงเทพฯ ผมก็ตัดสินใจเดินทางไปชมฟุตบอล ไทยลีก 3 ที่สนามเทศบาลหนองปรือ จ.ชลบุรี ระหว่าง สโมสรพัทยาฯ กับ บ้านบึง เอฟซี
เพราะฟุตบอลคู่นี้มีความน่าสนใจหลายอย่าง ผมจึงยอมเสียเวลาเดินทางเพิ่มสองชั่วโมง อ้อมไปพัทยาก่อน และดูฟุตบอลอีกสองชั่วโมง และนี่คือสิ่งที่ผมได้รับ
ต้องบอกก่อนว่า ซีซั่นนี้ผมตั้งใจจะไปชมเกมลีกล่างบ่อยครั้งมากขึ้น เนื่องจากลีกสูงสุดมีคนดูเยอะ ทั้งแฟนบอลเจ้าบ้าน ทีมเยือน รวมถึงสื่อมวลชนก็มีการจำกัดจำนวน เลยอยากลงไปดูลีกล่าง ที่ยังไม่มีคนสนใจนัก เพราะมีหลายทีมที่น่าสนใจเลยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงไปชมตามโอกาสจะอำนวย ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย, เรื่องเวลา และที่สำคัญ ต้องขอแฟนไปได้ 5555 (แต่ก็คงมีไปดูลีกสูงสุดอยู่นะ)
เมื่อวานที่ได้ชมก็ไม่ผิดหวังครับ เพราะผมตั้งใจไปโฟกัสสโมสรบ้านบึง เอฟซี เนื่องจากรถรุ่นพี่ที่ผมขอติดไปด้วยจากวังน้ำเขียว เป็นรถของพี่ธานินทร์ แฟนบอลชลบุรี เอฟซี ที่ตามเชียร์บอลเยาวชนของสโมสรชลบุรี เอฟซี ซึ่งส่งแข่งในนามทีมโรงเรียนท่าข้ามพิทยาคมไปทุกจังหวัด เขาและผมเลยคุยกันว่า จะขับอ้อมมาแวะมาชมสโมสรบ้านบึง เอฟซี ที่พัทยาก่อน
เกมวันนั้น บ้านบึง เอฟซี ส่งเด็กที่ยังไม่จบ ม.6 ซึ่งเพิ่งพาทีมโรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม จ.ชลบุรี คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ก. ประจำปี 2563 ถึง 6 คนลงสนามเป็นตัวจริง ไล่ตั้งแต่
อนุชิต ทวีศรี (ผู้รักษาประตู)
วรากร ทองใบ
สราวุฒิ เสาวรส
จักรพงษ์ แสนมะฮุง
กษิดิศ กาฬสินธุ์
ตะวัน จันทะเสน
ซึ่งใน 6 คนนี้ มีคนเดียวที่อายุ 16 ปี คือ กษิดิศ กาฬสินธุ์ ส่วนอีก 5 คน จากโรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม มีอายุ 18 ปี โดยนอกจาก 6 คนที่บอกไปนั้น อีก 5 คนที่เหลือในตำแหน่งตัวจริง ก็มีนักเตะไทย 4 คน ซึ่งเป็นดาวรุ่งทั้งหมด ไล่ตั้งแต่อายุ 19 ปี จำนวน 1 คน, อายุ 20 ปี จำนวน 2 คน และอายุ 22 ปี จำนวน 1 คน แล้วก็มีต่างชาติยืนคุมแนวรับ 1 คน นั่นคือ ซีออน พาวเวอร์ (ในครึ่งเวลาหลัง ตัดสินใจส่งต่างชาติในตำแหน่งตัวรุกลงมาอีกคน คือ เอลวิส จ็อบ)
นี่คือการลงสนามแมตช์แรกของบ้านบึง เอฟซี ในไทยลีก 3 ซึ่งเป็นเกมเยือนซะด้วย แต่พวกเขาก็ตัดสินใจส่งดาวรุ่งลงสนามเกือบทุกคน โดยเฮดโค้ชและผู้ช่วยโค้ชของบ้านบึง เอฟซี ก็เป็นอดีตแข้งของ ชลบุรี เอฟซี ในระดับตำนาน ก็คือ ไพศาล โพธิ์นา และศราวุฒิ จันทพันธ์
ฟากเจ้าบ้าน "พัทยา ดิสคอฟเวอร์รี ยูไนเต็ด" ก็เป็นทีมที่น่าสนใจครับ เติบโตมาจากการเล่นฟุตบอลเดินสายภายในจังหวัดชลบุรี แต่เมื่อขึ้นมาอยู่ในฟุตบอลลีกอาชีพก็อัปเกรดตัวผู้เล่น โดยมีอดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย อย่าง พิพัฒน์ ต้นกันยา เป็นโค้ชแอนด์เพลเยอร์ แล้วก็มี "เจ้าแทน" ธรรมนูญ สาลี อดีตนักเตะทีมชาติไทย ชุดเยาวชน ที่เคยไปเล่นลีกต่างประเทศหลายที่ลงสนามเป็นตัวจริง
เกมค่อนข้างดุเดือดตามสไตล์ฟุตบอล T3 ก่อนจะจบลงด้วยผลเสมอ 3-3 ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม ซึ่งเกมนี้ผมขอชื่นชมดาวรุ่งของ บ้านบึง ที่เล่นกันได้ดี มีระบบ อาจเป็นเพราะเล่นมาด้วยกันในฟุตบอลนักเรียนมาหลายปี โดยเฉพาะกองกลางตัวรับ กษิดิศ กาฬสินธุ์ ที่อายุน้อยที่สุดในสนาม (16 ปี) แต่เล่นได้เด่นมาก ไม่ใช่แค่เกมรับ แต่ยังมีจังหวะเชื่อมเกมสวยๆ สวิตช์บอลออกข้างให้เพื่อนได้ดี และแม่นยำด้วย จนคนข้างหลังผมส่งเสียงชมไม่ขาดสายเลย ซึ่งคนข้างหลังผมก็คือผู้บริหารของชลบุรี เอฟซี อย่าง "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล กับ อรรณพ สิงห์โตทอง แล้วก็พี่หนุ่ม ผจก.ทีมบ้านบึง และ อนณ สิงห์โตทอง ลูกชายอีกคนของคุณอรรณพ
ส่วนเจ้าบ้านก็เล่นดุดัน ตามสไตล์ทีมที่โตกว่า แต่ชอบนะที่ได้เห็น พิพัฒน์ ต้นกันยา อีกครั้ง แม้จะวัย 41 ปีแล้ว แต่มีลูกเก๋า พักพิงอิงแอบ เปิดช่องให้เพื่อน ทำทางให้เพื่อนได้หลายลูกเลย
เป็นประสบการณ์ที่ดีอีกนัดหนึ่งของฟุตบอลไทยในลีกล่างของผม และที่สำคัญที่สุดเลย ผมอยากขอบคุณแฟนบอลของทั้งสองทีมด้วยนะครับที่เข้ามาชมเกมลีกล่างไม่ให้หงอยเหงา และทำให้ฟุตบอลไทยในลีกล่าง กระชุ่มกระชวยอีกครั้ง หลังจากขาดหายไปเกือบปี.
“จอน”