หน้าแรกแกลเลอรี่

ใกล้แตกหัก

พาวเวอร์บอมบ์

27 มิ.ย. 2563 05:01 น.

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง

หลังจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตัดสินใจเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ไปเริ่มฟาดแข้งกันในเดือน ก.ย. และจะไปจบฤดูกาลในเดือน พ.ค. ปีหน้า 2564

คงต้องบอกว่าตอนนี้สถานการณ์ระหว่างสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กับ “ทรูวิชั่นส์” ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก ประจำฤดูกาล 2020

ใกล้จะถึงจุดแตกหักเต็มทนไล่ตามไทม์ไลน์เมื่อไม่กี่วันก่อนผู้บริหารทรูฯได้ออกมาเรียกร้องให้สมาคมฟุตบอลฯ ทำตามข้อตกลงที่ได้เซ็นสัญญากันไว้

ฟุตบอลไทยลีกจะต้องกลับมาเตะให้เร็วที่สุด และจะต้องจบฤดูกาลกันภายในเดือน พ.ย.ปีนี้

อันเนื่องมาจากได้พิจารณาแล้วว่าสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยเบาบางลง

อีกทั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ก็ได้ ประกาศคลายล็อกมาตรการต่างๆลงไปมากแล้ว โดยอนุญาตให้กีฬาสามารถกลับมาแข่งขันกันได้ (แบบไม่มีคนดู) แล้ว

วันต่อมา “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็ออกมาตอบโต้ว่าไม่สามารถเลื่อนการแข่งขันให้เร็วกว่าเดือน ก.ย.ได้ เพราะทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ทั้งหมดแล้ว

รวมไปถึงทางสโมสรฟุตบอลก็ต้องการเวลาในการเตรียมทีมเพื่อกลับมาแข่งขันด้วย

แถม “บิ๊กอ๊อด” ยังบอกด้วยว่า ก็ตอนพิจารณาเลื่อนโปรแกรม ได้ส่งหนังสือให้ตัวแทนจากทรูฯ เข้าร่วมประชุม แต่ไม่เห็นมีตัวแทนจากทรูฯมาร่วมประชุม

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าส่งหนังสือเชิญจริงหรือเปล่า เพราะผู้บริหารจากทรูฯบอกว่าไม่มีหนังสือเชิญไปสักฉบับ

จากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ทรูวิชั่นส์ส่งหนังสือแจ้งด้วยถ้อยแถลงที่แข็งกร้าวกลับมา

ใจความประมาณว่า ต้องให้ฟุตบอลกลับมาเตะกันใน 14 วัน และให้สมาคมฟุตบอลฯ ส่งตัวแทนเข้ามาเจรจาเรื่องที่เป็นปัญหากันด้วย

ในขณะเดียวกัน ทรูฯจะไม่จ่ายเงินที่สมาคมฟุตบอลฯส่งหนังสือทวงหนี้ไป (วงในบอกว่า 400 ล้านบาท) แต่จะมีการจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ให้กับสมาคมฟุตบอลฯ ตามมูลค่าของแมตช์ที่เตะตามจริงเท่านั้น

พร้อมกับลงท้ายด้วยข้อความที่ว่า หากไม่ติดต่อกลับมาภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ

ทรูวิชั่นส์ขอสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการทางกฎหมาย

นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามลำดับ

เรื่องนี้ทำท่าจะยาว และโอกาสไปจบที่ศาลก็มีสูงเสียแล้ว

กรณีปัญหาที่เกิดขึ้นโดยส่วนตัวแล้วผมเองมีคำถามคาใจมากมายเหลือเกิน อาทิ 

ทำไมเปลี่ยนโปรแกรมการแข่งขันโดยไม่ปรึกษาเจ้าของลิขสิทธิ์?

เมื่อเกิดปัญหาทำไมไม่หาทางพูดคุยเจรจา? (แบบอยู่บนโต๊ะเดียวกัน)

บอลไม่ได้เตะ ทำหนังสือไปทวงเงินเขาได้หรือ?

คุณอยากได้เงินเขา ทำไมไม่ไปหาเขา?

สโมสรต่างๆที่กำลังจะเดือดร้อนจากการไม่ได้รับเงินอุดหนุน ทำไมถึงนิ่งเงียบไปเสียหมด?

และเรื่องมันจะจบลงตรงไหน?

บางทีผมก็ขำน้ำตาเล็ดกับการทำงานของคนที่เรียกว่ามืออาชีพ!!!!

พาวเวอร์บอมบ์