พาวเวอร์บอมบ์
รัฐบาลประกาศคลายล็อกระยะที่ 2
ทำให้ประชาชนชาวไทยใช้ชีวิตวิถีใหม่ (นิว นอร์มอล) ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในวงการกีฬา
สัปดาห์นี้คงหนีไม่พ้นกรณีปัญหาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีกเป็นแน่
จากการที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯประกาศเลื่อนการแข่งขันออกไปเริ่มกันในเดือน ก.ย. และไปจบฤดูกาลกันในเดือน พ.ค.ปีถัดไป
โดยอ้างถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด
รวมถึงการที่รัฐบาลสั่งห้ามเตะ ทำให้ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปนั้น
ในความเป็นจริง แม้จะมีความจำเป็นมากแค่ไหน
แต่จะถึงอย่างไรก็ยังถือว่าเป็นการทำผิดสัญญา (เดิม) ที่เซ็นกันเอาไว้
เรื่องนี้ทางออกเดียวที่จะพาวงการฟุตบอลไทยให้รอดพ้นการตายหมู่ ก็คือการเจรจา (เท่านั้น)
ความเห็นส่วนตัวผมว่ากรณีนี้ ส่วนหนึ่งก็ถือเป็นการที่ทรูวิชั่นส์ “เอาคืน” สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ “ดอกใหญ่” เช่นกัน เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนว่าสมาคมลูกหนังไทยตัดสินใจทำอะไรไม่ค่อยเห็นหัวเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมากสักเท่าไหร่
อีกทั้งการ “นิ่งเฉยเกินไป” ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯก็มีส่วน
ถ้าจะยกตัวอย่างความเป็นไปของทั่วโลกตอนนี้ จริงอยู่ว่าฟุตบอลลีกใหญ่ๆในยุโรปต้องหยุดชะงักจากการระบาดหนักของไวรัสโคโรนา 2019 แต่ทุกชาติก็พยายามหาคอนเทนต์ หรือสร้างรายการต่างๆขึ้นมาทดแทนการถ่ายทอดสดเกมฟุตบอลที่หายไป
เช่น ฟุตบอลอังกฤษ ก็ต้องจัดทำ “อี-พรีเมียร์ลีก อินวิเทชั่นนัล” ขึ้นมา โดยดึงซุปเปอร์สตาร์ทั้ง 20 สโมสรมาเล่นเกมสู้กัน ถึงแม้จะทดแทนไม่ได้ทั้งหมด แต่นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการทำอะไรขึ้นมาชดเชยให้กับคนที่เขาเสียเงินซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้ว
ส่วนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ???
แล้วยิ่งมาถึงกรณีล่าสุดกับการโยกไทยลีกไปเตะแบบข้ามปี ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลต่อทรูวิชั่นส์ ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างชัดเจนที่สุด (เหมือนจงใจจะให้เกิด)
แน่นอนว่าสัญญาของพวกเขากำลังจะหมดลง นอกจากนี้หากจะให้ไปถ่ายต่อข้ามไปในปีหน้า ก็กระทบกับผังรายการของทรูวิชั่นส์ที่วางแผนกันล่วงหน้ามาเป็นปีๆ
เสียหายมหาศาลแน่นอน
รู้ทั้งรู้แต่สมาคมก็ยังทำ ซึ่งหากจะอ้างถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ควรจะต้องหารือกันก่อนมิใช่หรือ!
ดังนี้จึงมีคนแซะว่าทรูวิชั่นส์ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทั้งหมด 4 ฤดูกาล ซึ่งฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลสุดท้าย
สมาคมกีฬาฟุตบอลฯอาจจะไม่ต้องแคร์อะไรมากก็ได้ เพราะได้ผู้ซื้อลิขสิทธิ์เจ้าใหม่เรียบร้อยแล้ว
เรื่องนี้ไม่รู้จิงป่าววววว.
พาวเวอร์บอมบ์