ไทยรัฐฉบับพิมพ์
พาทิศ ศุภะพงษ์ รักษาการเลขาธิการ ส.บอลไทย เผยพร้อมผ่อนปรนเกณฑ์ คลับ ไลเซนซิ่ง ของทีมไทยลีก 4 ที่จะต้องพัฒนาในการเล่นรวมลีก โดยจะอนุโลมเรื่องการปรับเพิ่มไฟส่องสว่าง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ย้ำสภาพสนามต้องใช้จัดแข่งได้ ส่วนกรณีทีมสตาฟฟ์ของสโมสรไทยลีก 1-2 จะต้องมีไลเซนส์โค้ชตามระเบียบที่กำหนดไว้ ก็เตรียมจะส่งหนังสือถึงเอเอฟซี เพื่อขอยกเว้น เพราะโควิด-19 ทำให้จัดอบรมโค้ชไม่ได้
หลังจากที่คณะกรรมการศึกษาแนวทางการรวมลีกฟุตบอลอาชีพไทยลีก 3 และไทยลีก 4 ได้มีข้อสรุปว่า ศึกไทยลีก 3 หรือเนชันแนลลีก จะมี 6 โซน เหมือนตอนลีกภูมิภาค แล้วให้สโมสรไปพัฒนาเรื่องคลับ ไลเซนซิง
ล่าสุด นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รักษาการเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า เกณฑ์การพัฒนาคลับ ไลเซนซิง ของลีกรวมใหม่จะขึ้นตรงกับของสมาคม ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการปรับปรุงสนามแข่งขัน, ห้องพักกีฬา ซึ่งตอนนี้ใช้เกณฑ์ไทยลีก 3 เป็นมาตรฐานแล้ว ทำให้ทีมในไทยลีก 4 ต้องมีการพัฒนาตรงนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 อาจต้องมีการผ่อนปรนบ้างในบางเรื่อง
“หลักๆจะอยู่ที่ไฟส่องสว่าง อย่างของไทยลีก 3 จะอยู่ที่ 800 วัตต์ แต่ไทยลีก 4 จะอยู่ที่ 600 วัตต์ ซึ่งการจะปรับเปลี่ยนจะมีค่าใช้จ่ายสูง เลยมีแนวทางว่าจะอนุโลมไปก่อน เพราะยังสามารถแข่งฟุตบอลได้ตามปกติ ไม่เป็นอันตราย เพียงแต่ว่าถ้ามีการถ่ายทอดสดความสว่างประมาณนี้จะไม่เพียงพอ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีคิวว่าจะถ่ายทอดสดอยู่แล้ว”
นายพาทิศกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องของสภาพสนาม ตรงนี้ต้องอยู่ในมาตรฐานที่สามารถจัดแข่งขันได้ ทั้งนี้ สมาคมก็จะมีการติดตามความคืบหน้าเป็นระยะๆ สิ่งใดที่สามารถพอผ่อนปรนได้ก็จะทำให้
รักษาการเลขาบอลไทยกล่าวด้วยว่า ส่วนเกณฑ์ คลับ ไลเซนซิง ของไทยลีก 1-2 จะขึ้นอยู่กับสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ซึ่งสมาคมก็เตรียมจะทำหนังสือถึงเอเอฟซีเพื่อขอยกเว้นบางเรื่อง เช่น เจ้าหน้าที่ในทีมสตาฟฟ์จะต้องมีไลเซนส์โค้ชตามที่กำหนด แต่ตอนนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้สมาคมไม่สามารถจัดการอบรมได้ จะขอยกเว้นเฉพาะกิจ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รับการอนุมัติหรือไม่