ไทยรัฐออนไลน์
"สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ" จัดประชุมคณะกรรมการศึกษาแนวทางการรวมไทยลีก 3 และ 4 ครั้งที่ 2 เพื่อหารือถึงแนวทางจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพหลังเจอพิษ "โควิด-19" หรือไวรัสโคโรนา
วันที่ 29 เม.ย.63 เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุม บริษัท ไทยลีก จำกัด สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ บริษัท ไทยลีก จำกัด จัดประชุม “คณะกรรมการศึกษาแนวทางการรวมลีกฟุตบอลลีกอาชีพไทยลีก 3 และ ไทยลีก 4” ครั้งที่ 2 ขึ้น เพื่อหารือถึงแนวทางจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ ที่มีผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19" หรือไวรัสโคโรนา
การประชุมในครั้งนี้ นำโดย อรรณพ สิงห์โตทอง อุปนายกสมาคมฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการรวมลีกฟุตบอลอาชีพไทยลีก 3 และไทยลีก 4 พร้อมด้วย คุณกรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานคณะกรรมการ, คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ รักษาการเลขาธิการสมาคมฯ คุณเบนจามิน ตัน ที่ปรึกษาและผู้อำนวยการคลับ ไลเซนซิง สมาคมฯ และตัวแทนสโมสรสมาชิก ในระดับ ไทยลีก 3 และ ไทยลีก 4 ที่เข้าร่วมประชุมทางออนไลน์
หลังการประชุม อรรณพ สิงห์โตทอง อุปนายกสมาคมฯ กล่าวว่า “หลังจากที่อาทิตย์ก่อน ประชุมไปครั้งหนึ่ง วันนี้เราก็ได้ข้อสรุป ก็คือมี 6 โซน กลุ่มละ 12-14 ทีม เริ่มต้นเตะเดือนกันยายน จบประมาณเดือนมีนาคม”
“เรื่องโควตานักเตะนั้น ให้โควตานักเตะต่างชาติลงเล่นได้ 3 คน และต้องส่งผู้เล่นอายุไม่เกิน 23 ปี ลงเป็นตัวจริง 2 คน มีการตกชั้นปกติ 1 ทีม จากแต่ละโซน รอบแชมเปียนส์ลีก จะเล่นแบบมินิลีก 2 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม แข่งกันทีมละ 5 นัด เอาอันดับ 1 แต่ละกลุ่มเลื่อนชั้นเลย ส่วนอันดับ 2 ของแต่ละกลุ่มต้องมาเจอกัน เพื่อเพลย์ออฟเลื่อนชั้น มันจะคล้ายลีกภูมิภาคสมัยก่อน”
“ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ จากทั้งโควิด-19 และด้วยงบประมาณแต่ละสโมสร เราเลยคิดว่ากลับไปเหมือนตอนลีกภูมิภาคจะดีกว่าไหม แล้วเราก็มาเน้นเรื่องคลับ ไลเซนซิ่ง ให้มากขึ้น เพราะคลับ ไลเซนซิ่ง เป็นเรื่องสำคัญในการปรับมาตรฐานของทีมในการเลื่อนชั้นไปเล่นไทยลีก 2”
“เพราะฉะนั้นทีมจากไทยลีก 4 ก็จะต้องปรับตัวเรื่องสนาม เรื่องกิจกรรมต่างๆ และการบริหารจัดการ ส่วนทีมจากไทยลีก 3 มันจะเข้มข้นขึ้น”
“เพราะต่อไปคุณต้องขึ้นไทยลีก 2 มันจะมีเรื่องการตลาด เรื่องการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้นมาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้การปรับมาเป็นแบบนี้ มันก็เริ่มตอบโจทย์แฟนบอลทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะทีมจะอยู่ในภูมิภาคใกล้ๆ กัน มันจะช่วยลดค่าใช้จ่าย หรือเรื่องการเดินทางได้”
“จากการคุยกันมา 2 ครั้ง การตอบรับก็โอเค ตอนนี้เรามีเป้าหมายแล้วว่าจะเหลือแค่ไทยลีก 3 ทุกทีมก็มุ่งมั่นจะทำสิ่งต่างๆ ก็มีการระดมความคิด จนกลายมาเป็นข้อสรุปแบบนี้ ทุกคนก็ร่วมมือร่วมใจกันคิดมา”
“เรื่องโควตาเยาวชน เราว่าพวกเขาก็ยังมีโอกาส เรายังมีโควตาแข้งเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี 2 คน ส่วนปีต่อไป เราอาจจะเพิ่มหรือไม่ ก็ต้องดูกันอีกที เราต้องดูปีนี้ไปก่อน”
“ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ มันทำให้เราอยากได้ข้อสรุปโดยเร็ว และอยากให้เยาวชนยังมีโอกาสเล่น เรายังอยากให้เด็กมีโอกาสเล่น แต่เราก็ตัดเรื่องเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปีไปก่อน ไปนับรวมกับอายุไม่เกิน 23 ปี ส่วนโควตาเอเชีย ก็ไม่มีแล้ว ดังนั้นนักเตะเอเชีย ก็จะคิดเป็นโควตาต่างชาติไปเลย”
“ลีกสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 21 ปี ก็ยังเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนทีมบีของแต่ละทีม ก็เปลี่ยนใหม่หมด ตอนนี้ไม่มีทีมบีแล้ว ซึ่งทีมเขาอาจจะปล่อยให้ทีมไทยลีก 2 และ 3 ใช้ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้เด็ก หรือจะให้เล่นกับสโมสรต่อไป ก็เป็นนโยบายของแต่ละทีมครับ” คุณอรรณพ กล่าวปิดท้าย