บี บางปะกง
หลังจากที่ผมไลฟ์สดคุยกับ “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ยอดศูนย์หน้า “เบอร์ 1” ตลอดกาลของทีมชาติไทย ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
มีเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลว่าคิดถึงขวัญใจอีกคนที่เคยสร้างความสุขสมหวังให้กับคนไทยทั้งชาติ ตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะจนกระทั่งมาเป็นกุนซือคุมทีมชาติ
นั่นก็คือ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ดาวยิงจอมตีลังกา ที่มี FC อยู่เต็มอาเซียนไปหมด
บังเอิญผมกับ “ซิโก้” เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ตอนเขาเริ่มดังใหม่ๆกับ “ดรีมทีม” ผมยังเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยอยู่เลย
ได้รู้จักมักจี่และเริ่มคุ้นเคยกันจริงๆก็ตอนมาเป็นนักข่าวกีฬาไทยรัฐที่คอยติดตามทำข่าวทีมฟุตบอลชาติไทยแบบเกาะติดอยู่ที่สนามเกศินีวิลล์นี่แหละ
ปกติ “ซิโก้” ไม่ค่อยว่างหรอกครับ เพราะเจ้าตัวเป็นเซเลบที่มีกิจกรรมทางสังคมเยอะแยะไปหมด
ยิ่งช่วงนี้อยู่ในสถานการณ์โควิด–19 เขาเองไม่ยอมนอนอยู่บ้านเฉยๆ ออกไปตระเวนบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ในนามของ “มูลนิธิซิโก้” ให้หน่วยงานต่างๆแทบทุกวัน
โชคดีที่วันก่อนเจ้าตัวพอมีเวลาว่างเลยโฟนอินมาพูดคุยกันสบายๆตามประสาเพื่อนเก่าที่นิยมระลึกความหลังด้วยอารมณ์เฮฮา
“ซิโก้” ย้อนอดีตให้ฟังว่า เขาเองมายืนอยู่จุดนี้ได้ เพราะคนชื่อ “ฉ่อยท่าพระ” ยุทธนา ทวีสรรพสุข แมวมองตาเพชรของวงการฟุตบอลบ้านเรา เป็นผู้ดึงตัวจากขอนแก่นเข้ามาอยู่ในกรุง
มีโอกาสดีๆในชีวิตจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีพระคุณหลายท่าน ทั้ง “น้าติ๊ก” สมชาติ ยิ้มศิริ, “ลุงหอย” ธวัชชัย สัจจกุล , “อาก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์, “น้าชัช” ชัชชัย พหลแพทย์ รวมทั้ง “พี่วิ” ระวิ โหลทอง
ถ้าปิยะพงษ์ ผิวอ่อน คือกองหน้าที่มี “พรสวรรค์” มากที่สุดในเมืองไทยแล้วล่ะก็
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง นี่แหละ คือคนที่พัฒนาตัวเองจนก้าวขึ้นมาอยู่ระดับสุดยอด ด้วย “พรแสวง” แห่งความมุมานะพยายามอย่างแท้จริง
ทุกสเต็ปของการก้าวเดินถือเป็นตัวอย่างที่ดีของนักเตะรุ่นหลัง แม้กระทั่งเรื่องของการเก็บเงิน เก็บทอง ที่เจ้าตัวสร้างวินัยให้ตัวเองด้วยการใช้ครึ่งเก็บครึ่งมาตั้งแต่เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรธนาคารกรุงไทยด้วยเงินเดือน 2 พันบาท
จนมาถึงทุกวันนี้ เป็นบิ๊กบอส บริษัทสปอร์ตฮีโร่ แล้ว ก็ยังคงยึดคอนเซปต์เดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ “ซิโก้” ยังเล่าถึงช่วงเวลายากลำบากในการไปเป็นนักเตะอาชีพในลีกรองอังกฤษกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ที่ทำเอาท้อแท้ถึงขั้นเกือบเลิกเล่น
กระทั่งกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งที่เวียดนามกับฮองอันห์ ยาลาย ซึ่งคนชื่อ “ซิโก้” เกียด–ติ–สุก (เรียกตามคนท้องถิ่น) กลายเป็น “เทพเจ้าลูกหนัง” ของแฟนบอลที่นั่นไปเลย!!
ส่วนคำถามที่หลายคนอยากจะรู้ว่าอนาคต “ซิโก้” มีโอกาสจะคัมแบ็กกลับมาเป็นโค้ชทีมชาติไทย...อีกหรือไม่?
เรื่องนี้เจ้าตัวไม่ได้ตอบชัดเจน เพียงแต่บอกว่า ตนเองจะทำอะไรขึ้นอยู่กับพื้นฐานความ “ไว้ใจ” ของผู้มีอำนาจในองค์กรเป็นที่ตั้ง
เอาเป็นว่าตอนนี้ขอมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน... และมองไปยังอนาคตข้างหน้าให้ดีที่สุดก่อน
ส่วนความสำเร็จอันหอมหวานในอดีต...ถือเป็นสิ่งน่าภาคภูมิใจในชีวิต ที่สมควรจดจำไว้
สรุปว่าคนอย่าง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง “Never look back”
ไม่มีการเหลียวหลัง...ให้เสียเวลา!!!
บี บางปะกง