บี บางปะกง
หลังจากที่ปล่อยกลับไปฉลองเทศกาลปีใหม่กันอย่างเต็มเหนี่ยวแล้ว กุนซืออากิระ นิชิโนะ ก็ทำการเรียกตัว 23 ขุนแข้งทีมชาติไทย ชุดยู 23 มาเข้าแคมป์เตรียมทีมช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนจะบู๊ศึกลูกหนัง 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่ไทยเราจะเป็นเจ้าภาพในวีกหน้า ระหว่าง 8–26 ม.ค.ที่จะถึงนี้
ไอ้เรื่องความหวังที่จะเป็น 3 ทีมตัวแทนทวีปเอเชียไปลุยโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่โตเกียว ยังไม่อยากพูดถึง
เพราะดูจากระยะเวลาเตรียมทีมบวกกับขุมกำลังที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน ต้องเรียนตามตรงเลยว่า “ยาก” ถึง “ยากที่สุด”
เอาเป็นว่าไม่ต้องคิดอะไรกันเยอะ...ช่วยกันลุ้น ช่วยกันเชียร์ไปทีละสเต็ปก็แล้วกัน!!
โดยรอบแรก ที่เราอยู่กลุ่มเอ ร่วมกับ 3 ชาติชั้นนำ คือ ออสเตรเลีย, อิรัก และ บาห์เรน ลองมาเช็กดูซิว่าพวกเค้าเหล่านี้มีความแข็งแกร่งแค่ไหนกัน
เริ่มจากพลพรรค “ซอคเกอร์รูส์” ออสเตรเลีย ที่มี เกรแฮม อาร์โนล กุนซือวัย 56 ปีคุมทัพ
แข้งออสซีวางเป้าหมายในศึกยู 23 ครั้งนี้ไว้สูงลิ่ว โดยเรียกผู้เล่นที่กำลังค้าแข้งอยู่ในยุโรปมาร่วมทัพถึง 9 ราย
สมทบกับ “อัล ฮัสซัน ตูเร” กองหน้าดาวรุ่ง วัย 19 ปี เชื้อสายกินี ที่โชว์ฟอร์มให้กับต้นสังกัด แอดิเลด ยูไนเต็ด ได้อย่างเข้าตากรรมการ
นอกจากนี้ การเตรียมทีมอุ่นเครื่องที่ผ่านมายังแน่นปึ้ก โดยออสเตรเลียไปรวมตัวเข้าแคมป์ล่วงหน้าที่มาเลเซียถึง 10 วันก่อนบินเข้าไทย
ขณะที่ อิรัก ซึ่งบิน มาปักหลักที่กรุงเทพฯก่อนชาติอื่น ก็หมายมั่นปั้นมือที่จะไปลุยโอลิมปิกเกมส์ให้ได้อีกครั้ง
หลังจากพวกเขาเคยสร้างผลงานกระหึ่มโลก ด้วยการคว้าอันดับ 3 ที่ริโอ เด จาเนโร เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
อับดุลกานี ซาอัด ทำหน้าที่เป็นกุนซือของทัพ “สิงโตแห่งเมโสโปเตเมีย” ชุดนี้ โดยมี “มูรัค ซูเบห์” แนวรุกตัวเก่งของสโมสรอัล คารามาห์ ในลีกสูงสุดอิรัก เป็นตัวชูโรง
และอีกชาติคือ บาห์เรน ภายใต้การคุมทีมของ “ซาเมียร์ ชามมัน” คู่แข่งนัดแรกของทีมช้างศึก ก็ถือว่าไม่ธรรมดา!!
พวกเขามีนักเตะดาวรุ่งสายเลือดใหม่ ซึ่งก้าวขึ้นไปติดทีมชาติบาห์เรนชุดใหญ่ที่เพิ่งประกาศศักดาคว้าแชมป์ “กัลฟ์คัพ 2019” มาครองสดๆร้อนๆ อย่างอาเหม็ด บูกัมมาร์ แนวรับวัย 21 ปี นำทัพ
ส่วนดาวเตะอีกคนที่ขึ้นชั้นไปเล่นชุดใหญ่แล้วเช่นกัน ได้แก่ “โมฮัมเหม็ด อัล–ฮาร์ดาน” หัวหอกวัย 22 ปี ที่เอเอฟซีแนะให้จับตาดูให้ดี เพราะถือเป็นตัวยกระดับเกมรุกของบาห์เรนในศึกชิงแชมป์เอเชียคราวนี้
ซึ่งทั้งหมดก็คือข้อมูลคร่าวๆของทั้ง 3 ทีมคู่แข่งที่เราต้องเจอในรอบแรก
ย้ำกันอีกครั้ง กับโปรแกรมเตะของทีมช้างศึกพลังหนุ่ม 8 ม.ค. ไทย พบ บาห์เรน, 11 ม.ค. ไทย พบ ออสเตรเลีย, 14 ม.ค. ไทย พบ อิรัก เริ่มเวลา 20.15 น. ทุกเกม ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ช่อง 7 HD (ช่อง 35) ถ่ายทอดสดให้เชียร์กันทั่วประเทศ
โบราณท่านว่าฟุตบอลก็เหมือนดั่งสงคราม “รู้เขา รู้เรา” รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
แต่กับบอลไทย พอศอนี้ รู้เขาแล้ว...ได้รู้ตัวเองบ้างหรือเปล่า?
ไม่แน่ใจ...เหมือนกันแฮะ!!!
บี บางปะกง