ป๋อง กพล
กราบสวัสดีมิตรรักนักอ่านทุกๆ ท่านนะครับ เสาร์เว้นเสาร์ เราก็กลับมาเจอกันอีกเหมือนเช่นเคย กับเรื่องราวของวงการฟุตบอลทั้งไทยและเทศ ที่ตัวกระผมจะมารังสรรค์ข้อมูลความคิดผ่านตัวหนังสือให้ทุกท่านได้อ่านกัน ตามแบบฉบับของตัวป๋องเอง ที่อาจจะมีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง แต่เชื่อเลยว่าทุกคนถูกใจแน่นอน
วันนี้เราจะมาเน้นๆ แบบตรงเป้าชี้ชัดไปเลยครับ เพราะฟุตบอลที่จะลงทำการแข่งขัน ตามปฏิทินฟีฟ่า และถือว่าเป็นเกมการแข่งขันที่คนไทยที่เป็นคอฟุตบอลเฝ้ารอคอย กำลังจะระเบิดแข้งขึ้น ในวันที่ 5 กันยายนนี้ ที่สนาม ทรูสเตเดี้ยม หรือจะเรียก สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต ก็แล้วแต่สะดวก ถือว่าเป็นเกมใหญ่ ถึงใหญ่มาก ชนิดที่ว่า เปิดขายบัตร แค่ 5 นาที ก็หมดลงในพริบตา จนหลายคนแอบบ่นว่า ควรจะหาสนามที่มีความจุมากกว่านี้หรือป่าว จะได้เพียงพอต่อความต้องการของแฟนบอลบ้านเรา
แต่ทว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นใหญ่ครับ เพราะถ้าใครไม่มีบัตรก็สามารถรับชมกันแบบติดขอบจอผ่านทางหน้าจอของไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ทุกนัดที่ทีมชาติไทยของเราลงทำการแข่งขัน เรียกได้ว่าจุใจเต็มอิ่มแน่นอน
ส่วนประเด็นที่ผมอยากจะพูดถึงในวันนี้ ก็คงจะมาที่ฟุตบอลไทยกันแบบเต็มๆนะครับ แต่อาจจะไม่เน้นจนถึงขั้นที่ว่า ใครจะฝ่าด่านไปจนถึงเป็น 23 คนสุดท้าย เพราะเราก็ไม่อาจจะคาดเดาได้ถึงความคิดของนิชิโนะแน่นอน แต่จากที่ได้มีการสอบถามพูดคุยไปกับเหล่ากูรูบอลไทยเบอร์ต้นๆของเมืองไทย ก็พอจะได้รับรู้ถึงความเป็นไปได้พอสมควร เรียกได้ว่าแทบจะมองเห็นภาพทีมชุดนี้ได้พอสมควรเลยทีเดียวว่า 2 นัดต่อจากนี้ ทีมชาติไทยของเราจะเป็นเช่นไร
เริ่มต้นจากหัวก่อนเลยนะครับ ก่อนหน้านี้ กระแสเรื่องของผู้ช่วยนิชิโนะ ก็ถือว่าเป็นกระแสที่หลายๆ คนมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็มีพลิกโผเล็กน้อย เพราะ โค้ชโต่ยที่เต็งจ๋าแบบนอนมา ว่ายังไงก็น่าจะไม่พ้นจากการเป็นสตาฟฟ์โค้ชชุดนี้แน่ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็หลุดไปเฉยเลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เราได้โค้ชแบน ที่ตอนแรกหลายๆ คนแอบเชียร์เข้ามาแทน เท่ากับว่าสตาฟฟ์โค้ช ของเราก็จะมี โค้ชแบน โค้ชจุ่น และ โค้ชหระ เป็น 3 ประสาน คอยช่วยเหลือนิชิโนะในการทำงาน ก็ถือว่าไม่เลวครับ
แต่สิ่งที่หลายๆ คนพุ่งเป้าและรอคอยกันอยู่นั่นก็คือ การตัดตัวผู้เล่นจาก 33 ให้เหลือ 23 คนนี่ล่ะครับ จากการที่ผมได้พูดคุยมานั้น บอกเลยว่า สิ่งที่กูรูได้บอกผมมานั้น ไม่แตกต่างกันครับ ไล่ตั้งแต่ ประตู ยังไงก็ต้องส่ง 3 คน ซึ่งแน่ๆ แล้วล่ะครับ คงไม่ต้องถามว่าใครจะติดบ้าง ซึ่งผมคงไม่ต้องบอก ไล่เรียงมาถึงกองหลัง งานนี้อ่านใจยากมากๆ ครับทั้งตัวผมเองและตัวกูรู แต่ฝั่งขวา มีตัดแน่ๆ 1 คน ส่วนซ้ายนั้น มีอุ้มเป็นเต็ง1 ส่วนตัวที่เหลือมองไม่ยากเท่าไหร่ เซ็นเตอร์งานนี้ ต้องวัดใจละครับ เพราะออกแนวรักพี่เสียดายน้อง แต่ท้ายที่สุดแล้วยังไงก็ต้องตัด อยู่ที่สนามซ้อมแล้วล่ะครับว่า ใครทำผลงานได้เข้าตาที่สุด
ผ่านมาที่กองกลาง มากันแบบแน่นเอี้ยด ชนิดที่ว่าหลายๆ คนยังตกใจ แต่จากมุมมองของกูรูที่เค้าบอกผมมานั้น ผู้เล่นจากชุด U23 มีโอกาสที่จะหลุดหลายคน ซึ่งวัดจากตรงนี้ก็พอจะเห็นภาพอยู่ว่าเป็นใครบ้าง แต่เชื่อเลยนะครับว่า อาจมีเซอร์ไพรส์ เพราะท้ายที่สุดแล้ว นิชิโนะอาจจะมีหลายๆ คนที่แอบชอบอยู่ในใจอยู่แล้ว
ส่วนกองหน้า ก็คงไม่มีตัดใครแน่ๆ เพราะเรียกมาแค่ 2 คน ซึ่งก็ถือว่า อาจจะมีถูกใจหรือไม่ถูกใจแฟนบอลบ้านเราพอสมควร แต่ก็ต้องให้โอกาสกันก่อน ว่าสุดท้ายจะออกมาเป็นเช่นไร
แต่สิ่งที่เรามีความกังวลมากที่สุดก็คือ เวลาในการเตรียมทีม เพราะน้อยเหลือเกิน แถมนักเตะจากเจลีก ก็จะมาอีกทีก็วันที่ 2 เป็นอย่างน้อย เพราะติดภารกิจกับต้นสังกัด ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นตัวปัญหาหลักที่เรากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แถมพอหันไปมองที่คู่แข่งตัวฉกาจอย่างเวียดนามด้วยแล้วล่ะก็ หนักใจแทนครับ
เพราะคราวก่อนที่เจอกันเราก็เสียท่าพ่ายแพ้คาบ้านมาแล้ว ซึ่งถือเลยว่าถ้าเป็นมวย หนแรกเราแพ้น็อกยกสุดท้าย ซึ่งการแพ้น็อกคราวนั้น มันก็ทำให้เราเสียขวัญไปเยอะอยู่พอสมควรเหมือนกัน แต่ทว่าการแพ้น็อกคราวนั้น เราก็มีข้ออ้างได้อยู่ว่า ของเราไม่ใช่ผู้เล่นที่ดีที่สุด แต่คราวนี้ เราจะได้ชุดที่ดีที่สุดที่เราทำได้ เพราะฉะนั้น ครั้งนี้ความกดดันน่าจะเยอะพอสมควร แต่ผมเชื่อมือโค้ชและนักเตะนะครับ ว่าเราจะผ่านความกดดันครั้งนี้ไปได้ แต่อาจจะเหนื่อยหน่อยเท่านั้นเอง
เอาเป็นว่า 2 นัดต่อจากนี้ในการเจอเวียดนามในบ้าน และเกมที่ออกไปเยือนอินโดนีเซีย ถ้าเราอยากจะเข้ารอบต่อไป ต้อง 6 แต้มเต็มเท่านั้น ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น แฟนบอลชาวไทยที่ถือตั๋วนัดนี้แล้ว ไปร่วมเชียร์ทีมชาติไทยของเรา ไปส่งเสียงเชียร์ให้ดังกระหึ่มไปทั่วสนาม ให้นักบอลคู่แข่งกลัวจนขนลุก แล้วเราจะก้าวไปหยิบแต้มสำคัญพร้อมกัน ส่วนใครไม่มีบัตร ก็เฝ้ารอหน้าจอไทยรัฐทีวีได้เลย วันนี้ผมลาไปก่อนนะครับ เจอกันใหม่คราวหน้า สวัสดีครับ