พาวเวอร์บอมบ์
จนถึงตอนนี้ทีมชาติไทยก็ยังไม่มีใคร เข้ามาทำหน้าที่เฮดโค้ช
ก่อนหน้านี้ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย แสดงสปิริตอำลา เก้าอี้กุนซือ “ช้างศึกชุดใหญ่” หลัง ผลงานย่ำแย่ พาทีมอมบ๊วยในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 47
ขณะเดียวกัน อเล็กซานเดร กามา กุนซือบราซิเลียน ก็ยังมาโบกมือลา “ช้างศึกจูเนียร์” ชุดยู-23 ไปรับงานกับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด (ได้ไงก็ไม่รู้)
เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อ “โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน ประกาศอำลาทัพ “ชบาแก้ว” ทีม ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย หลังจบศึกฟุตบอลโลกไปอีก
ทำให้เบ็ดเสร็จตอนนี้ทีมชาติไทยที่เป็นชุดหลัก 3 ชุด...ไม่มีโค้ชคุมทีม...เกิดสุญญากาศ
สำหรับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตามข่าวก็ยังคงเร่งหาโค้ชเข้ามาทำหน้าที่ในทีมชาติ ชุดใหญ่ และชุดยู-23 ปี ซึ่งก็คงต้องร้องเพลงรอกันต่อไป และไม่รู้จะจบเมื่อไหร่
การได้การ์เลส โรมาโกซา เข้ามาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค (คนใหม่) ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
ส่วนฟุตบอลหญิงนะหรอ บอกตามตรงว่าอาการหนัก
ใครก็ตามที่เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีม รวมทั้งเฮดโค้ชในตอนนี้ ต้องใจถึงมากๆ
ที่สำคัญต้องเตรียมใจและพร้อมที่จะโดนเปรียบเทียบกับ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ และ “โค้ชหนึ่ง” ที่ประกาศยุติบทบาทลงไป พร้อมกับมาตรฐานการทำทีมที่สูงเด่น
สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับคนเข้ามาทำทีมฟุตบอลหญิงตอนนี้คือ ทำอย่างไรเด็กถึงจะเชื่อมั่น
ผมกำลังหมายถึงการเชื่อมั่นทั้งเรื่องในสนาม และเรื่องนอกสนาม
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ที่ผ่านมา “มาดามแป้ง” ดูแลนักเตะเปรียบเสมือนลูกๆของตัวเอง ซึ่งบางทีมันก็เป็นเรื่องยากกับผู้ที่จะเข้ามาสานต่อ
ว่าจะทุ่มเทได้มากขนาดไหน!!!
เขียนไปก็เหมือนกดดันใครบางคน? แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เขาต้องเผชิญ หากรับคำ (ขอ) ท้า
“ฟุตบอลโลก 2022” รอบคัดเลือก รอบ 2 (เดือน ก.ย.), ศึก “ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020” (คัดไปโอลิมปิก) รวมถึงฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน (เดือน ส.ค.) และซีเกมส์ 2019 (เดือน พ.ย.) รออยู่อีกไม่ไกล
ถึงตอนนี้ทีมชาติไทยยังไม่มีโค้ช ยังไม่มีการเตรียมทีม
แฟนบอลยังจะกล้าหวังถึงผลงานอีกหรือไม่
ควรปล่อยวางกันได้บ้างแล้ว (มั้ง)
พาวเวอร์บอมบ์