บี บางปะกง
ใครที่ดูการ์ตูนญี่ปุ่นมาตั้งแต่วัยกะเปี๊ยก รับรองต้องรู้จัก “โอโซระ ซึบาสะ” ตัวละครเอกจากอภิมหา “มังงะ” กีฬาสุดอมตะนิรันดร์กาล เรื่อง “เจ้าหนูสิงห์นักเตะ” อย่างไม่ต้องสงสัย
“ซึบาสะ” กลายเป็นต้นแบบและไอดอลของเยาวชนที่มีหัวใจรักลูกหนังทั่วทั้งโลกใบนี้มาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ
มีนักเตะซุปเปอร์สตาร์หลายต่อหลายคน เคยให้สัมภาษณ์ว่าตอนเด็กๆ พวกเขามีกัปตัน ซึบาสะ นี่แหละ เป็นแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอล และเป็น “ฮีโร่” ในดวงใจมาโดยตลอด
ที่ผมเกริ่นถึงตัวการ์ตูน “ซึบาสะ” ขึ้นมาในวันนี้ ก็เพราะบังเอิญได้เห็นข่าวของ “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ จาก “ฟ็อกซ์ สปอร์ตส์” สื่อกีฬาดัง ที่ถูก ผจก.ทั่วไปของสโมสรคอนซาโดเล ซัปโปโร นำเขาไปเปรียบเทียบกับตัวชูโรงของเจ้าหนูสิงห์นักเตะว่า
“เหมือนถอดแบบกันมายังไงยังงั้น”
หลังจากฤดูกาล 2018 ที่ผ่านมา สุดยอดดาวเตะทีมชาติไทย ระเบิดฟอร์มการเล่นได้อย่าง “กระฉูดแตก” เหลือเชื่อบนเวทีเจลีก
โดยเจ้าตัวซัดรวมไปได้ถึง 9 ประตู จากการลงสนาม 31 นัดในทุกรายการ จนได้รับการโหวตจากแฟนบอลให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร แถมยังได้ติดทีม “ออลสตาร์” ของลีกสูงสุดแดนซามูไรซีซันนี้อีกต่างหาก
และด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองสุดๆ ทำให้ตอนนี้ ชนาธิปกลายเป็นที่ยอมรับของทั้งเพื่อนร่วมทีมและแฟนๆซัปโปโร รวมถึงทีมอื่นๆ ขณะเดียวกัน เขาก็ได้กลายเป็นนักฟุตบอลที่โด่งดังระดับ “ท็อป” ของญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้วด้วย
การที่คอนซาโดเล ซัปโปโร ตั้งค่าตัวของเขาไว้ที่ 6.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณกว่า 200 ล้านบาทนั้น นับเป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่า “ชนาคุง” มีมูลค่ามากเพียงใด
ซึ่งตัวเลขนี้ ก็ได้ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นแข้งอาเซียนที่มีค่าตัวสูงที่สุด แซงหน้า นีล เอเธอริดจ์ นายทวารทีมชาติฟิลิปปินส์ ของคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปแล้ว
เป็นการพิสูจน์สิ่งที่ผมเคยคาดการณ์ไว้ว่าอีกไม่นานนี้หรอก “เจ” ชนาธิป คนนี้นี่แหละจะกลายเป็น “ตำนาน” ของบอลไทยยุคใหม่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
เหมาะสมที่สุดแล้วที่เจ้าตัวจะคว้ารางวัล “นักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปี” ในงาน FA Thailand Award 2018 มาครองอย่างหมดจด
อย่างไรก็ตาม “เจ้าเจ” ยังมีบทพิสูจน์สำคัญรอเขาอยู่ กับภารกิจช่วยทีมชาติ ในศึก “เอเชียนคัพ 2019” ต้นเดือนหน้าที่ยูเออีที่ล่าสุดเพิ่งมีการประกาศตัว 23 นักเตะไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และจากผลงานอันล้มเหลวของทีมช้างศึกในฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ที่ผ่านมา ทำให้สุดยอดเพลย์เมกเกอร์ร่างเล็กกระเหี้ยน กระหือรือเหลือเกินที่จะสร้างความสำเร็จให้ได้ในถ้วยเอเชียคราวนี้
เรื่องความมุ่งมั่นทุ่มเทในสีเสื้อทีมชาติ ผมไม่เคยห่วงอยู่แล้ว เพราะรู้ว่ายังไงเจ้าตัวก็ต้องใส่เกินร้อยแรงถีบ
ห่วงอย่างเดียวว่า “แท็กติกรถบัส” ป้ายนี้ยันป้ายหน้า ของพ่อกุนซือหน้าง่วง มิโลวาน ราเยวัช จะงัดศักยภาพของ “ซึบาสะ เมืองไทย” อย่างเมสซีเจ ออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้มากน้อยสักแค่ไหน...
เท่านั้นเอง!!!
บี บางปะกง