หน้าแรกแกลเลอรี่

ทีของ “อ้น”

บี บางปะกง

25 เม.ย. 2561 05:01 น.

โดนเปิดซิงพ่ายแพ้เป็นนัดแรกของฤดูกาลนี้ไปเสียแล้ว สำหรับแชมป์เซราะกราว บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า และจ่าฝูงของศึกไทยลีก 2018 ที่ฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

ซึ่งก็ยังเป็น “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ช่วงหลังๆมักกลายเป็นของ “แสลง” ของทีมปราสาทสายฟ้าอยู่เป็นประจำ ที่เปิด รังสิงห์ สเตเดียม เชือดชัยไปได้อย่างหวุดหวิด 1-0

หยุดสถิติไม่แพ้ใครในเกมลีกของบุรีรัมย์ไว้ที่ 31 นัด โดยแมตช์ล่าสุดที่แข้งเซราะกราวพ่ายต่อคู่แข่ง ต้องย้อนไปเมื่อเดือน มี.ค.ปีที่แล้วโน่น ซึ่งพวกเขาโดนราชบุรี บุกมายัดเยียดความปราชัยถึงถิ่น 4–3

สำหรับตารางไทยลีกล่าสุด ที่ทุกทีมลงเตะไปแล้ว 11 เกมเท่ากัน แม้บุรีรัมย์จะไม่มีแต้มในเกมนี้ แต่พวกเขาก็ยังนำ (เกือบ) โด่ง โดยมีแต้มทิ้งอันดับ 2 อยู่ 5 คะแนน

ตามมาด้วย “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด รองจ่าฝูง และอันดับ 3 เชียงราย ที่ต่างคว้าชัยได้ติดๆกันใน 3-4 แมตช์ที่ผ่านมา จนแซงขึ้นมาอยู่ในที่ที่ตัวเองควรอยู่จนได้ หลังจากตุปัดตุเป๋มาตั้งแต่ต้นฤดู

ก็หวังว่าแต่นี้เป็นต้นไป การไล่ล่าแชมป์ไทยลีกคงจะสนุกขึ้นตามลำดับ เพราะอย่าลืมว่าขุนพลปราสาทสายฟ้า จะต้องเผชิญกับโปรแกรมหฤโหดอยู่ต่อไป

โดยเฉพาะคิวแข่งบอลถ้วยเอเชีย เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ที่บุรีรัมย์ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย และต้องไปเจอกับชุนบุก ฮุนได มอเตอร์ สุดยอดทีมแกร่งจากเคลีก ในเดือนหน้า วันที่ 8 และ 15 พ.ค.

จัดเป็นงานหนักหน่วงที่อาจส่งผลกระทบให้ฟอร์มในบอลลีกของแข้งเซราะกราวแกว่งเอาง่ายๆเลยทีเดียว

จากทีมหัวตาราง ทีนี้มาดูทีมหนีตายท้ายตารางกันมั่ง

เพิ่งจะขยับพ้นโซนตกชั้นได้สำเร็จในเกมล่าสุดนี้เอง สำหรับ “มังกรโล่ห์เงิน” โปลิศ เทโร ที่เพิ่งเปิดบ้านเอาชนะสุโขทัย เอฟซี 2–1 จากซัลโวประตูชัยของอ่อง ธู หัวหอกทีมชาติเมียนมาที่แผลงฤทธิ์ซัลโวไปแล้วถึงครึ่งโหล

และจากผลงานที่เข้าตากรรมการ พาทีมมังกรไฟคว้าชัยชนะได้ถึง 3 เกม จาก 4 เกม ที่เข้ามาทำหน้าที่กุนซือขัดตาทัพแทนโค้ช สก๊อตต์ คูเปอร์ ที่ลาเก้าอี้ไปก่อนหน้านี้

ทำให้บอร์ดบริหารของเทโรตัดสินใจตั้งให้ “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ขึ้นเป็นกุนซือใหญ่ของทีมแบบเต็มตัว หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวลือหลากหลายกระแสว่าจะดึงโค้ชมือเก๋า คนนั้นคนนี้เข้ากุมบังเหียน

แต่ในที่สุดผู้หลักผู้ใหญ่ภายในสโมสรก็เล็งเห็นถึงแววโรจน์ของโค้ชรังสรรค์ จึงให้โอกาสเจ้าตัวแจ้งเกิดในคราวนี้

และในฐานะที่ผมเองรู้จักมักจี่กับ “โค้ชอ้น” หรือ “เจ้าอ้น” นักฟุตบอลรูปหล่อผู้นี้ มาตั้งแต่เขาเป็นนักเตะเยาวชนทีมชาติ 17 ปี ไปลุยบอลเยาวชนโลกที่อียิปต์เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว

รู้สึกดีใจครับ ที่เห็นเจ้าตัวเติบโตบนเส้นทางลูกหนังสายนี้มาอย่างไร้ที่ติ เรียกว่าตอนเป็นนักเตะก็ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มามากมาย

พอถึงยุคที่ตัวเองก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชเต็มตัวเป็นปีแรก ก็ได้ทำหน้าที่ “เฮดโค้ชใหญ่” คุมทัพสโมสรในลีกสูงสุดทันที

ที่สำคัญ นี่เป็นการทำหน้าที่กุมชะตาทีมรักที่เป็นทั้งอู่ข้าวอู่น้ำ และทีมที่สร้างให้ “อ้น” รังสรรค์ เป็นคนลูกหนังคุณภาพ

มาประดับวงการอย่างในทุกวันนี้!!!

บี บางปะกง