ไทยรัฐออนไลน์
"เจ้าโก้" สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ กองกลางดาวรุ่งของ "ค้างคาวไฟ" สุโขทัย เอฟซี เปิดเผยว่า “ผมขอลืมอดีต และขอปรับตัว เพื่อเป้าหมาย ทีมชาติไทย”...
ไม่นานมานี้ ดาวรุ่งของทีมค้างคาวไฟ - สุโขทัย เอฟซี อย่าง "เจ้าโก้" สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ มีโอกาสเรียกตัว ไปรับใช้ชาติ ฐานะ นักเตะรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี
แม้จะเป็นเกมเล็กๆ เป็นนัดอุ่นเครื่อง กับทีมชาติจีนรุ่นเดียวกัน ที่มณฑลหูหนาน ประเทศจีน แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ "เจ้าโก้" ตระหนักถึงเป้าหมายของชีวิตค้าแข้ง
ที่เขาต้องกลับไปมีที่ยืนบนสนามหญ้า ใส่เสื้อแข่งขันของทีมชาติ และซัดประตู หรือทำแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมในศึกฟุตบอลระดับชาติ ครั้งสำคัญที่จะมาถึง อย่าง เอเซียนเกมส์ ครั้งที่ 18 จาการ์ตา-ปาเล็มบัง ที่ประเทศอินโดนีเซีย ช่วงเดือนสิงหาคมนี้
แต่กว่าเขาจะไปถึงขั้นนั้น "เจ้าโก้" ยอมรับว่ามีจุดที่สร้างความไม่เชื่อใจ และอาจเป็นข้อเสียที่ทำให้ใครหลายคนดูแคลนว่า เขาจะไปได้ไกลอย่างนั้นจริงๆ หรือ?
เพราะ "เจ้าโก้" ในวัยที่ออกไปใช้ชีวิตต่างแดน "ประเทศนิวซีแลนด์" ตั้งแต่เด็กอายุ 16 ปี หลังได้รับเลือกให้ไปเป็นเด็ก ในสังกัด "วินตัน รูเฟอร์" ทีมในตำนานของประเทศนิวซีแลนด์ ทำให้เขามีอิสระตามประสาวัยซน ได้เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง สัมผัสถึงประสบการณ์ต่างแดนแบบทุกซอกทุกมุม
แม้การฝึกและเล่นฟุตบอลในต่างแดน จะมีกฎ มีระเบียบ พร้อมแบบฝึกที่เคร่งครัด แต่ด้วยพรสวรรค์ของ "เจ้าโก้" ที่แฝงในตัว ทำให้เขาเติบโตแบบก้าวกระโดดในเกมฟุตบอลของคนรุ่นราวคราวเดียวกัน แม้จะเป็นเด็กที่มาจากโซนเอเชีย แต่เขาไม่เคยกลัวใคร จากการที่เขาถูกยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น บวกกับความอิสระที่ได้รับ ทำให้เขาได้เรียนรู้วัฒนธรรมจากโลกตะวันตกมากพอสมควร รวมไปถึงมุม Dark Side
และเมื่อเขากลับมาเมืองไทย หลังจากใช้ชีวิตอยู่แดนกีวี่ เกือบ 3 ปี แบบฉบับไม่เคยได้กลับมาเมืองไทย ทำให้ "เจ้าโก้" นำนิสัย และชีวิตประจำวันกลับมาใช้ด้วย ซึ่งตรงนั้นเอง ที่ทำให้คนไทยมองเขาด้วยมุมมองแง่ลบ พร้อมมอบฉายาเขาว่า "นักเตะแบดบอย"
แต่ในภารกิจล่าสุด!! ที่เขาถูกเรียกตัวไปรับใช้ชาติอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ในชีวิต เขาไม่อยากให้เป็นครั้งสุดท้าย เขาให้คำมั่นไว้ว่า จากนี้ไป ต้องปรับตัว!!
"ผมไม่เคยคิดจะเลิกเล่นฟุตบอล แต่ผมได้ยินคนพูด คนตำหนิในสไตล์การใช้ชีวิตของผม ผมรู้ และผมก็ไม่โทษเขาที่เขามีมุมมองด้านลบ กลับกันผมต้องขอบคุณ เพราะทำให้ผมรู้ว่า ผมจะทำตัวแบบเดิมไม่ได้แล้ว ผมมีเป้าหมาย และอยากทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ อย่างน้อย คือ เร่ิมทำตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน เมื่อเราทำเต็มที่แล้ว ใครจะมาด่าผมอีกไม่ได้” เจ้าโก้ ระบุ
แต่จุดเปลี่ยนของความคิดที่แท้จริง "เจ้าโก้" บอกไม่ใช่เกิดขึ้นช่วงที่เขาคัมแบ็กทีมชาติในวันนี้ แต่คือ เป็นช่วงที่เขาถูกยืมตัว ย้ายไปหลายที่ ซึ่งเขาคิดว่า นั่นคือสัญญาณที่บอกว่า ไม่มีใครต้องการ
"ผมรู้สึกไม่มีที่ยืน ต้องทำอะไรสักอย่าง ผมค้นหาและพบปัญหาของตัวเรา คือ ความฟิต การพักผ่อนและการดูแลตัวเอง แม้เบสิกการเล่นฟุตบอล หรือทักษะที่ใช้ในสนามแข่งขันเราจะดีแค่ไหน แต่ฟุตบอลวัดกันแค่ชัยชนะ หากเราทำผลงานไม่ตรงความคาดหวัง ก็มีแต่คนด่า มีแต่คนรอซ้ำ หรือแม้จะทำผลงานได้ดี ช่วยทีมให้ชนะ ผมคิดนะว่า เป็นระดับเสมอตัว ดังนั้นผมต้องปรับ เพื่อพิสูจน์ให้คนที่ไม่ได้มารู้จัก หรือมานั่งดูชีวิตผมตลอด 24 ชั่วโมงเห็นว่า ผมตั้งใจและทุ่มเทไม่แพ้ใคร"
หากถามถึง "อุปนิสัย" จริงๆ ของ "เจ้าโก้" เป็นอย่างไร เขาตอบ ว่า เป็นคนเฟรนด์ลี่ เข้าได้กับทุกคน แถมยังเป็นสไตล์แมนๆ แบบใจแลกใจอีกด้วย
ขณะที่ อุปนิสัยในสนามแข่งขัน "เจ้าโก้" บอกเลย ตรงกันข้าม เพราะด้วยความมั่นใจในตัวเอง ไม่กลัวใคร อารมณ์ร้อน ทำอะไรไม่ค่อยคิดก่อน ทำให้เขาถูกมองเป็น "แบดบอย" แต่นั่นเป็นนิสัย เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพราะตอนนี้เขาบอก รู้จักคิด และระงับอารมณ์ตัวเอง
"ก่อนนี้วงไหนมีเรื่อง ต้องมีผมอยู่ด้วย เพราะผมอารมณ์ร้อน แม้ผมไม่โดนเอง แต่เพื่อนโดน ผมก็ต้องโมโห เข้าไปร่วมวงกับเขา แต่ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว หากจะมีคือ เป็นฝ่ายไปห้ามเขามากกว่า เอาเข้าจริง เหมือนกับผมโตขึ้น ได้เรียนรู้จากความผิดพลาด"
สำหรับข้อผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น "เจ้าโก้" ยกให้เป็นบทเรียนที่มีมูลค่ามหาศาล เพราะทำให้เขาเสียโอกาสในเส้นทางนักฟุตบอล เมื่อเขามองย้อนกลับไปในวันนี้ เขารู้สึกเสียดาย และตั้งเป้าหมายว่า จะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีก
และในปีนี้ที่ "ค้างคาวไฟ-สุโขทัย เอฟซี" ตั้งเป้าขึ้น TOP 5 เขาสัญญาว่าจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่สนับสนุนทีมให้ไปถึงจุดนั้นให้ได้ พร้อมกับเดินไปตามเส้นทางที่เป็นเป้าหมายของชีวิต คือ คัมแบ็กทีมชาติ อีกครั้ง!!