บี บางปะกง
ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2018 เป็นต้นมา ดูเหมือนผลงานของทีมฟุตบอลชาติไทยจะยังไม่มีชุดไหนที่เข้าเป้าตามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยวาดหวังไว้เลยแม้แต่ชุดเดียว
ไล่ตั้งแต่เดือนมกราคม ซึ่งทีมชาติไทย ชุดยู-23 ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงจากศึกชิงแชมป์เอเชีย ที่จบอันดับ “กิมบ๊วย” ของรายการอย่างชนิดสิ้นสภาพสุดๆ
ตามด้วยเดือนกุมภาพันธ์ กับความล้มเหลวของทีมฟุตซอลช้างศึกที่ไปได้ไกลแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้นในฟุตซอลเอเชีย ทั้งที่การเตรียมทีมพร้อมสรรพแถมตัวผู้เล่นยังสมบูรณ์ฟูลออฟชั่นที่สุดในรอบหลายปี
และล่าสุดกับฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 46 เมื่อปลายมีนาคมที่ผ่านมาที่จบลงด้วยตำแหน่งพระรองของทีมชาติไทยชุดใหญ่
ทำให้อันดับโลกในแรงกิ้งฟีฟ่าของเรายังคง เป็นที่ 3 ของอาเซียนต่อจาก เวียดนามและฟิลิปปินส์
ที่สำคัญ ทีมช้างศึกยังคงต้องอยู่โถ 4 รอเจอกับยอดทีมชั้นนำของเอเชียในการจับสลากแบ่งสายศึกเอเชียนคัพ 2019 รอบสุดท้าย เดือนพฤษภาคมนี้
จนมาถึงในเดือนเมษายน ทีนี้ก็เป็นคิวของแข้งสาว “ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงชาติไทยชุดใหญ่ ที่จะต้องลุยศึกใหญ่ในศึกฟุตบอลหญิง เอเชียนคัพ 2018 รอบสุดท้าย ที่กำลังจะระเบิดขึ้น ระหว่างวันที่ 6-20 เมษายน นี้ ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน
โดยทัวร์นาเมนต์นี้จะเป็นการคัดเอาตัวแทนทวีปเอเชีย 5 ทีมไปโม่แข้งในฟุตบอลโลกหญิง 2019 รอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศสในปีหน้า
ซึ่งในรอบแรก ทีมแม่เนื้อนิ่มไทย อยู่ใน สายเอ กับเจ้าภาพ จอร์แดน, จีนและฟิลิปปินส์ ซึ่งถือว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเท่าใดนัก
ขณะที่ในสายบี ล้วนแล้วแต่เขี้ยวลากดิน เพราะมีทั้งแชมป์เก่า ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย และเวียดนาม
ดังนั้น การนำ 2 อันดับแรกของกลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายบอลโลกหญิง 2019 ที่แดนน้ำหอม และทีมอันดับสามของแต่ละกลุ่มจะมาแข่งขันกันในเกมสุดท้าย เพื่อชิงโควตาที่ 5 ของเอเชีย
ดูแล้วโอกาสของแข้งชบาแก้ว ในการเป็นที่ 2 ของสายเอ จึงมีโอกาสสูงเลยทีเดียว โดยเฉพาะการสร้างผลงานให้เหนือกว่าทั้งสาวเจ้าถิ่น จอร์แดน กับ ฟิลิปปินส์ นั้นไม่น่าจะยากเกินมือหากเราไม่ประมาทคู่แข่งจนเกินไปนัก
และนั่นก็จะเป็นประวัติศาสตร์อีกครั้งของทีมฟุตบอลหญิงไทยในการไปฟุตบอลหญิงโลก คำรบ 2 ติดต่อกัน
หลังเคยสร้างความยิ่งใหญ่มาแล้วเมื่อปี 2015 ในเวิลด์คัพ ที่แคนาดา โดยทีมชบาแก้วยังเก็บได้ 3 แต้ม จากชัยชนะเหนือ ไอวอรีโคสต์ 3-2 อีกต่างหาก
สำหรับโปรแกรมรอบแรกเอเชียนคัพหนนี้ ของแข้งฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ประกอบด้วย (เวลาไทย) ค่ำวันศุกร์ที่ 6 เมษายน พบกับจีน 20.15 น., คืนวันจันทร์ที่ 9 เมษายน พบ จอร์แดน เวลา 00.00 น. (เที่ยงคืนตรง) และพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน เจอ ฟิลิปปินส์ 00.00 น. ซึ่ง 2 นัดหลัง ช่อง 7 สีจะถ่ายทอดสดมาให้ลุ้นเชียร์กันถึงบ้าน
โดยตั๋วสู่ “FRANCE 2019” คราวนี้ อาจเป็นครั้งสุดท้ายของนักเตะสาวไทยหลายคนในชุดนี้ ซึ่งอายุอานามใกล้จะปลดระวาง หลังจากสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องมาแล้วหลายปีดีดัก
ที่สำคัญผมสังหรณ์เหลือเกินว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายในบทบาทผู้จัดการทีมจอมทุ่มเท (ยิ่งกว่าสุด ตัว) ของหญิงแกร่งที่เกิดมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของ “ฟุตบอลหญิงเมืองไทย”
อย่าง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ หรือเปล่าก็ไม่รู้!!!
บี บางปะกง