หน้าแรกแกลเลอรี่

สัญญาณอันตราย!

บี บางปะกง

31 ม.ค. 2561 05:01 น.

อุซเบกิสถาน ชนะ เวียดนาม

บทสรุปของศึกลูกหนังยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย ที่ปิดฉากลงไปแล้วเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา

ตำแหน่งชนะเลิศตกเป็นของอุซเบกิสถาน ที่คว้าแชมป์ระดับทวีปได้เป็นครั้งแรก หลังเอาชนะเวียดนามลงได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที ของรอบชิง 2-1

แต่สิ่งที่ผู้คนพูดถึงมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ กลับไม่ใช่ความสำเร็จของอุซเบฯ แต่เป็นผลงานอันยอดเยี่ยมเหนือความคาดหมายของขุนพลดาวทอง “เวียดนาม” เพื่อนร่วมอาเซียนของเรา

เพราะขณะที่ทีมชาติไทยตกรอบแรก ด้วยการแพ้รวดทั้ง 3 นัด และยิงประตูคู่แข่งได้เพียงแค่ลูกเดียว รั้งอันดับ “บ๊วย” ในการแข่งขันครั้งนี้จากการจัดอันดับของเอเอฟซี

แต่นักเตะสกุลเหงียนกลับโชว์พลังแข้งได้อย่างโดดเด่นสุดยอดด้วยการทะลุเข้าถึงชิงและแพ้คู่แข่งไปแบบฉิวเฉียด

นี่ยังไม่นับเสือเหลือง มาเลเซีย อีกหนึ่งชาติอาเซียนที่เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกครั้งนี้ โดยสร้างประวัติศาสตร์โค่นมหาอำนาจลูกหนังเอเชีย อย่าง ซาอุดีอาระเบีย ในรอบแรกได้สำเร็จ

เรียกว่าทั้ง 2 ชาติสร้างความภาคภูมิใจให้กับวงการลูกหนังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะความสุดติ่งกระดิ่งแมวของเวียดนาม ที่ทุกคนต้องจดจำ เพราะก้าวไปถึงตำแหน่ง “รองแชมป์เอเชีย” อย่างเหลือเชื่อจริงๆ

สมราคาคุยที่เขาเคยโม้ไว้ว่าทีมเหงียนชุดนี้คือ “ทีมแห่งอนาคต” ที่เวียดนามตั้งใจปั้นให้เป็นสุดยอดทีม “เบอร์ 1” แห่งภูมิภาคนี้ และต่อยอดให้ถึงระดับทวีปให้ได้

ซึ่งบอกเลยว่าตอนนี้ใกล้เคียงเป้าหมายนั้นเต็มทีแล้ว

นี่คือ “สัญญาณอันตราย” ที่บ่งว่าต่อไปทีมฟุตบอลไทยของเราจะไม่ใช่ “เต้ย” ของอาเซียนอีกต่อไปแล้ว

เราอาจเคยปลอบใจตัวเองว่า “อันดับโลก” ในแรงกิ้งฟีฟ่าที่เวียดนามเหนือกว่าไทยนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา

แต่ผมว่าอนาคตอันใกล้ (หรือจะเป็นตอนนี้แล้วก็ไม่รู้) มันกำลังจะเป็นเรื่องจริงๆแล้วล่ะ!

เอาแค่เอเชียนเกมส์ปีนี้ ลองวัดดูก็ได้ว่าผลงานของเราจะเป็นเช่นไร ถ้าทำการบ้านเตรียมทีมไม่รัดกุมพอ

ทำ “ฟุตบอล” ต้องอยู่กับความเป็นจริงครับ ต้องมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป

ไม่ใช่ “มโน” วาดวิมานในอากาศไปเองว่าเราแพ้วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดี ที่เลิศหรูกว่าในวันข้างหน้า

ก็ในเมื่อการกระทำภาคปฏิบัติ รวมทั้งบุคลากรที่มีในปัจจุบันยังไม่เคยตอบโจทย์กับความเป็นไปอย่างแท้จริงเลยสักครั้ง

แล้วอย่างนี้มันจะไปเอาผลงานที่ดีมาจากไหนกันเล่า!

จะว่าไปผมว่าท่านนายกลูกหนัง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ท่านเป็นคนตั้งใจดี และมีความมุ่งมั่นที่อยากจะเห็นทีมชาติไทยพัฒนาก้าวไปข้างหน้า

เพียงแต่องค์ประกอบในสภาลูกหนังหลายๆส่วนยังดูอ่อนด้อย ขาดซึ่งประสบการณ์

คล้ายกับพวกที่เก่งแต่ตัวหนังสือในตำรา แต่พอเอาเข้าจริงกลับทำงานไม่เป็นสับปะรด ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรกันซักกะอย่าง

ลองกวาดสายตาดูดีๆเถอะครับ ว่าจริงหรือเปล่าอย่างที่ผมบอก

บอลไทยไปบอลโลกคงจะเป็นแค่การ “สานฝัน” ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ถ้ายังใช้คนสเปกนี้ทำงานอยู่

หรือไม่ก็รอดูเวียดนามไปชูธงในเวิลด์คัพก่อนก็ได้

ค่อยมาคิดสังคายนากัน!!!

บี บางปะกง