ไทยรัฐออนไลน์
"จอมพลังสาวไทย" ประเดิมคว้า 3 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ในศึกยกน้ำหนักเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งโลก ประจำปี 2560 ที่ญี่ปุ่น โดยรุ่น 48 กก.หญิง "ธัญญ่า สุขเจริญ" กวาด 3 เหรียญทอง ขณะที่ "จิราพรรณ นันทวงษ์" ได้ 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ส่วนสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ เลือก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จัดศึกยกเหล็กชิงชนะเลิศแห่งโลก ปีค.ศ.2019 รอบเก็บคะแนนควอลิฟายคัดโควตาไปโอลิมปิกเกมส์ 2020 เนื่องจากพร้อมทั้งด้านที่พัก และสนามแข่งขัน...
วันที่ 16 มิ.ย.60 การแข่งขันยกน้ำหนักเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งโลก ประจำปี 2560 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา จอมพลังสาวไทย ประเดิมสนามได้อย่างยอดเยี่ยมในรุ่น 48 กก.หญิง ทำได้รวม 3 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง โดย ธัญญ่า สุขเจริญ กวาด 3 เหรียญทอง จากท่าสแนตช์ 82 กก. ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 97 กก. และน้ำหนักรวม 179 กก. ขณะที่ จิราพรรณ นันทวงษ์ ได้ 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง โดย 2 เหรียญเงิน ได้จากท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 96 กก. น้ำหนักรวม 174 กก. ส่วน 1 เหรียญทองแดง ได้จากท่าสแนตช์ 78 กก.
ขณะที่ “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และรองประธานสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ คนที่ 1 เปิดเผยว่า ในการประชุมใหญ่สหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่เพิ่งผ่านมา ไทยได้นำแผนการจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ปี ค.ศ.2019 ซึ่งไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพมาแสดงให้ที่ประชุมดู โดยไทยได้เลือกเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่แข่งขัน
สำหรับสาเหตุที่เลือกพัทยา เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันนั้น เนื่องจาก 3 จังหวัดที่มีความต้องการอยากจะเป็นเจ้าภาพกีฬาเอเชียนเกมส์ในอนาคต ทั้งเชียงใหม่, อุบลราชธานี และชลบุรีนั้น ทางพัทยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดชลบุรีนั้น ได้ให้ความร่วมมือดีมาก นอกจากนั้นแล้วพัทยาเอง ยังเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองท่องเที่ยว ซึ่งมีความพร้อมทั้งด้านที่พัก และสนามแข่งขัน เคยจัดการแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งเอเชียมาแล้วด้วย เรียกได้ว่าเป็นเมืองกีฬาอย่างแท้จริง
“การแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพนั้น ถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากว่าเป็นหนึ่งในสนามที่จะใช้สำหรับการเก็บคะแนนควอลิฟายคัดโควตาที่จะไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสนามที่จะใช้คัดก็จะมีที่ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ที่ประเทศเปรู และประเทศไทย ดังนั้นการที่ได้แข่งในประเทศไทย จะเป็นการช่วยเพิ่มกำลังใจให้กับนักกีฬาในการไล่ล่าตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ด้วยนั่นเอง” พล.ต.อินทรัตน์ กล่าว
พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวอีกว่า ส่วนงบประมาณในการจัดนั้น เนื่องจากการแข่งขันยกน้ำหนักยุวชนชิงชนะเลิศแห่งโลก ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ที่ผ่านมานั้น ได้ใช้งบประมาณกว่า 14 ล้านบาทในการเปลี่ยนเหล็กใหม่ทั้งหมดสำหรับการแข่งขัน ดังนั้นจึงสามารถต่อเนื่องมายังการแข่งขันครั้งนี้ได้ ทำให้ใช้งบประมาณไม่มากในการจัดการแข่งขัน อาจจะใช้เพียงแค่ประมาณ 10 ล้านบาทเท่านั้น