MR .Unknown
ตั้งใจเขียนคอลัมน์เลื่อนมาดึกนิดนึง เพื่อที่จะรอฟังข่าวสำคัญจาก โอซีเอ หรือ โอลิมปิกแห่งเอเชีย ในวันที่ 19 ส.ค. นี้ ว่าได้บทสรุปกันอย่างไร จะยกเลิกการจัดของไทยหรือให้ไปต่อ
ซึ่ง โนติส หรือใบเตือนที่โอซีเอส่งเตือนมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วที่มีข้อกำหนดถึง 10 ข้อ ที่ประเทศไทยยังไม่ได้ทำอะไรเลยสำหรับการเตรียมความพร้อม ตั้งแต่การจองโรงแรม รถ ระบบคมนาคม สนามแข่งขัน งบประมาณจัดการแข่งขัน ฯลฯ และโดยเฉพาะงบประมาณจัดการแข่งขันที่จะต้องโอนเข้าคณะกรรมการจัดการแข่งขันภายในเส้นตายวันศุกร์ที่ 16 ส.ค. อีกต่างหาก
หากจะเอาตามวันเวลาดังกล่าว มันก็เป็นที่แน่ชัดว่า งานนี้ไม่น่าจะมีปาฏิหาริย์ เพราะระบบข้าราชการไทยใช้ 30 วันในเวลาทำการเบิกเงินมันยังดูจะเร็วไปเสียด้วยซ้ำ จะมาเอาอะไรกับวันสองวันแบบนั้น และเป็นช่วงระหว่างเปลี่ยนผ่านนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ด้วย
ถ้า โอซีเอ เอาจริง
สุดท้าย เอวัง จึงต้องมีประการฉะนี้
ลาก่อน เอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ 2024 ไทยแลนด์
........
หากจะไล่มหากาพย์ เอเชียนอินดอร์เกมส์ ก็ต้องนับว่ายาวทีเดียว หลังจากที่รับไม้ต่อมาจากเติร์กเมนิสถาน เมื่อได้รับสิทธิมาแล้ว ไทยต้องเผชิญกับปัญหาสถานการณ์โควิด ที่จะต้องทำการเลื่อนการแข่งขันออกไป แต่ได้รับการอนุมัติจากโอซีเอ
แต่พอพ้นจากโควิด เตรียมตัวจะตั้งไข่ก็ประสบปัญหาเปลี่ยนรัฐบาล และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เป็นรองนายกฯ หมดอายุตอนนั้นพอดี ก็แจ้งโอซีเอขอเลื่อนจากพฤศจิกายน 2023 ไปอีกครั้ง รอรัฐบาลใหม่ โอซีเอก็อนุมัติ
แต่พอเปลี่ยนรัฐบาล ผู้ที่ต้องดำเนินการจัดการแข่งขัน จำเลยที่ 1 คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็มีอันต้องเปลี่ยนรัฐมนตรีอีก ก็พาลพาให้มีอาการสะดุดอย่างต่อเนื่อง โดยมีลูกน้องอย่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นพี่เลี้ยงข้างเวทีให้น้ำส่งผ้าเย็นประคับประคองด้วยการออกงบประมาณในการเตรียมตัวนักกีฬาไปเกือบ 100 ล้าน ทั้ง 30 กว่าชนิดกีฬาไปพลาง แต่อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
จนกระทั่งใกล้เดดไลน์ในอีก 3 เดือนจะเริ่มการแข่งขัน ประเทศไทยก็โดนจี้มาจากโอซีเอ ถามหาความคืบหน้า ก่อนสุดท้าย บิ๊กแนต ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแข่งขัน เอเชียนอินดอร์เกมส์ ได้ออกมาแถลงสถานการณ์วิกฤติของการจัดการแข่งขันเอเชียนอินดอร์เกมส์ว่า ทุกอย่างกำลังจะล่ม และจะมีผลกระทบอื่นๆ ตามมาเมื่องานล่ม และมีการต่อว่าบิ๊กวงการกีฬาที่ต้องออกมารับผิดชอบงานนี้ นั่นคือ รัฐบาลและการกีฬาฯ ก่อนจะปิดฉากลงตามที่ว่ามาตามสเตป
ซึ่งนี่ก็บ่งบอกถึงวงการกีฬาไทยในชั่วโมงนี้ แม้จะเพิ่งขายผ้าเอาหน้ารอดกันมาได้จาก เหรียญทองเทควันโด้ของ น้องเทนนิส พาณิพัค แต่ในส่วนอื่นๆ นั้นค่อนข้างจะเละตุ้มเป๊ะ โดยเฉพาะอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับ งบประมาณ ไม่ว่าจะส่วนไหนก็ตาม มักจะมีปัญหา
ในฐานะสื่อมวลชนตัวแทนประชาชน ตั้งคำถามแบบถามเองตอบเองว่า งบประมาณของประทศไทยนั้นไม่มีจริงหรือ วงการกีฬาไม่มีเงินหรือ ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในวงการกีฬา สื่อมวลชนกีฬา ก็สามารถยืนยันได้ว่า วงการกีฬาไทย ไม่มีเงินนั้น ไม่จริง
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งนักกีฬา ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ มากที่สุด โอลิมปิกก็ไม่น้อย จัดการแข่งขันก็มากมายหลายรายการ เอาแค่โอลิมปิก เราก็ยังมีเงินขนคณะไปชกมวยโชว์ถึงฝรั่งเศส และอื่นๆ อีกมากมาย
ดังนั้นที่บอกว่า ไทยไม่มีเงินนั้น ไม่จริง
แต่เงินที่มีอยู่ที่ผ่านมามันไปอยู่ตรงไหน หายไปตรงไหน เอาไปทำอะไรบ้าง นั่นแหละเป็นคำถามที่ควรจะถามอย่างแท้จริง
ถึงตรงนี้ก็ได้แต่สงสารนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ทั้งไทยทั้งต่างประเทศ ที่มุ่งมั่นเก็บตัวฝึกซ้อมมาแรมปี หลายชีวิตก็หวังจะลืมตาอ้าปากจากการแข่งขันรายการนี้ โดยเฉพาะนักกีฬาหญิงที่ไม่มีรายการแข่งมากนัก แต่หากได้เหรียญเงินเหรียญทองขึ้นมา อัดฉีดก็พอจะลืมตาอ้าปากช่วยชีวิตตัวเองและครอบครัวได้
แต่ฝันสลายในพริบตา เพราะผู้ใหญ่บ้านเรามีทั้งเกมการเมืองและเกมการเงิน ที่ไม่เข้าใครออกใคร
......
และสุดท้ายก็สงสารประเทศไทย ที่มีการบริหารห่วยๆ ที่มาจากคน เพราะประเทศไทยมีทรัพยากรที่ดี มีกำลังคน และมั่นใจว่ามีกำลังเงิน แต่เงินมันไปอยู่ที่การเมืองและกระเป๋าของใครหลายคนเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้มองถึงผลประโยชน์โดยรวมของประเทศชาติและสังคม..
ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ได้แต่สงสารตัวเองด้วยในที่สุด....