หน้าแรกแกลเลอรี่

ผู้ว่า กกท. มั่นใจ ไม่จัด “เอเชียนอินดอร์” ไทยแค่เสียหน้า แต่ไม่กระทบ ซีเกมส์-เอเชียนเกมส์

ไทยรัฐออนไลน์

17 ส.ค. 2567 18:25 น.

ผู้ว่า กกท. มั่นใจ หากไม่จัด “เอเชียนอินดอร์” ไทยแค่เสียชื่อเสียง แต่ไม่เสียหายถึงอดจัด “ซีเกมส์”-ห้ามแข่ง เอเชียนเกมส์

วันที่ 17 ส.ค. 67 ความคืบหน้า การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ซึ่งที่ผ่านมา มีการเลื่อนการจัดการแข่งขันมาแล้ว 3 ครั้ง จนถึงกำหนดการล่าสุด จะจัดระหว่างวันที่ 21-30 พฤศจิกายน 2567 

ท่ามกลางกระแสข่าวทั้งการที่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) มีหนังสือตัด 14 ชนิดกีฬาออกเพื่อลดงบประมาณจัดการแข่งขันของไทย รวมถึงมีเส้นตายให้ประเทศไทยยืนยันว่าจะจัดการแข่งขันภายในวันที่ 19 สิงหาคม 2567 

ล่าสุด "บิ๊กก้อง" ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ในวันที่ 19 สิงหาคม 2567 เพื่อนำเสนอแผนงานและงบประมาณที่จะใช้ โดยแนวทางที่นายเสริมศักดิ์ให้ไว้คือต้องลดงบประมาณให้ได้มากที่สุด 

การเสนอแผนงานนั้นหมายความว่าเรายังคงเดินหน้าจัดการแข่งขัน กกท. ไม่เคยหยุดทำงาน มีการเตรียมพร้อมตลอด เหลือแค่การปลดล็อกเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้งานเดินหน้าต่อไปได้ แล้วจัดสรรงบประมาณ ส่วนหนึ่งมาจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ถ้าไม่พอก็ต้องของบกลางจากรัฐบาลต่อไป 

เมื่อมีการดำเนินการตลอดทำไมถึงมีข่าวออกมาว่าไทยจะไม่จัดการแข่งขันนั้น ดร.ก้องศักด กล่าวว่า อาจเป็นเพราะติดภารกิจต่างๆ ทำให้มีการเลื่อนประชุมบ้าง จึงมีกระแสเช่นนั้น 

แต่ในส่วนของการลด 14 ชนิดกีฬา กกท.ขอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือกำหนด เป็นการหารือของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับ โอซีเอ ก่อนที่โอซีเอ จะเป็นคนส่งหนังสือแจ้งลดจำนวนกีฬา

กกท. แค่ทำแผนรองรับว่าถ้าลดชนิดกีฬาแล้วงบจะลดลงไปแค่ไหน แต่ถ้าโอลิมปิคไทย  ต้องการให้จัดครบ 38 ชนิดกีฬา กกท.ก็มีหน้าที่ปฏิบัติตาม เพื่อให้นักกีฬาไทยได้มีโอกาสแข่งขัน เพราะเดิมทีเราคัดค้านการลดชนิดกีฬาที่ไม่มีในเอเชี่ยนเกมส์หรือโอลิมปิกเกมส์ เพราะจะทำให้นักกีฬาเสียโอกาสแข่งขัน ดังนั้น 14 ชนิดกีฬาที่ถูกตัดไปก็ยังมีโอกาสกลับมาจัดได้ ส่วนเรื่องงบประมาณก็ต้องปรับลดลงมาให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง

ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีจะมีผลต่อการเตรียมการจัดการแข่งขันหรือไม่ ดร.ก้องศักด กล่าวว่า ไม่น่ามีผล เพราะนี่คือเรื่องต่อเนื่องที่ดำเนินการมาก่อนแล้ว ก็แค่แจ้งข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดการแข่งขันต่อไปได้ 

ในแง่ของกีฬาเราจะต้องเดินหน้าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ต้องผลักดันทำให้สำเร็จให้ได้ เราไม่เคยมีแนวคิดที่จะไม่จัดแต่อย่างใด ส่วนเวลาที่เหลือแค่ 3 เดือน กระชั้นมากก็ต้องเดินหน้าลุย แผนงาน วันที่ 19 สิงหาคมนี้ผ่าน ก็เดินหน้าลุยได้ทันที

"ในวันที่ 19 สิงหาคม มีโอกาสออกได้ทุกหน้าทั้งจัดหรือไม่ได้จัด เราจะต้องพยายามเต็มที่ อย่างไรก็ตามอาจจะมีปัญหาเรื่องหนังสือสัญญาต่างๆ ที่จะต้องมีขั้นตอนตามกฎหมาย อาจจะเร่งให้เร็วไม่ได้ ก็ต้องอธิบายให้ทางโอซีเอเข้าใจ" ผู้ว่าการกกท. กล่าว  

นอกจากนี้ ดร.ก้องศักด ยังกล่าวด้วยว่า หากสุดท้ายแล้วผลสรุป ไทยไม่ได้จัดการแข่งขัน จะมีผลกระทบอะไรบ้างนั้น ดร.ก้องศักด กล่าวว่า อันดับแรกจะต้องชดใช้สัญญาต่าง ๆ ที่มีการเซ็นล่วงหน้าไปแล้ว ก็ต้องประเมินมูลค่าอีกครั้ง ต่อมาคือโอกาสของนักกีฬาที่จะไม่ได้เข้าร่วมแข่งขันหรือได้รับเงินรางวัลต่าง ๆ และสุดท้ายคือชื่อเสียงที่จะเสียไป

"ส่วนเรื่องการโดนแบนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาต่างๆ ไม่มีในเงื่อนไข ซีเกมส์เป็นหน้าที่ของมนตรีซีเกมส์ ซึ่งไม่เกี่ยวกัน ส่วนเอเชี่ยนเกมส์เป็นของโอซีเอก็จริง แต่ที่ผ่านมาหลายๆ ประเทศยกเลิกการเป็นเจ้าภาพ ก็ไม่เคยโดนแบนแต่อย่างใด" ผู้ว่าการกกท. กล่าว