แรงบันดาลใจ

หากส่องดูการพัฒนาการหรือความสำเร็จอันเนื่องมาจากความมุ่งมั่นทุ่มเท ของนักกีฬาตลอดจนผู้ฝึกสอนและผู้เกี่ยวข้อง

หลัง “โอลิมปิกปารีส 2024” ปิดฉากอย่างเป็นทางการคงจะมีสถิติให้บันทึกและจดจำอย่างหลากหลาย

เริ่มที่ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวรุ่น 49 กก.หญิงที่สร้างประวัติศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่ของวงการนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญทองกีฬาโอลิมปิกเกมส์ได้ถึง 2 สมัยถือเป็นการปิดจ๊อบที่สมบูรณ์แบบก่อนอำลาสังเวียนรับใช้ประเทศชาติ

รวมถึงเหรียญเงินแรกของทีมลูกขนไก่ไทยจาก “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ของสมาคมแบดมินตันไทยหลังจากก่อตั้งมายาวนานถึง 75 ปี และครั้งแรกในรอบ 32 ปีที่แบดมินตันบรรจุในโอลิมปิกเกมส์

จากผลงานดังกล่าวนับจากนี้คงเป็นโจทย์บนความท้าทายให้นักกีฬารุ่นหลังได้ฮึกเหิมและเดินหน้าเพื่อสร้างผลงานและทำลายสถิติกันต่อไป

ส่วนเรื่องความหวังแม้อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายสักเท่าไหร่แต่เมื่อดูภาพรวมแล้วถือว่าทัพไทยมีการพัฒนาการดีกว่าโตเกียวเกมส์อย่างมีนัยสำคัญ

แต่ชนิดกีฬาที่ประสบความสำเร็จและเป็นไปตามเป้าไม่ว่าจะเป็นเทควันโด ยกน้ำหนัก และมวยสากล โดยมีน้องใหม่ “แบดมินตัน” ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของกีฬาความหวัง

หากคิดบวกก็ถือว่า “ขาดทุนคือกำไร” โดยเฉพาะกำไรจากจำนวนของนักกีฬาที่ได้โควตาเพิ่มมากขึ้นและได้สัมผัสกับประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ในนามทีมชาติไทย

ที่แน่ๆ ปารีสเกมส์หนนี้ได้ “สร้างวีรบุรุษ” เพิ่มอีกหลายคนเรียกว่าเป็นขวัญใจแบบข้ามคืน จากผลงานอันยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์, “เวฟ” วีรพล วิชุมา,“ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย, “ออย” สุรจนา คำเบ้า, “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง รวมทั้งอีกมากหน้าหลายตาที่สร้างผลงานได้ดีเพียงแต่ไม่ติดเหรียญก็เท่านั้นเอง

วันนี้ ปารีสเกมส์รูดม่านลงแล้วแต่สงครามการแข่งขันของทัพนักกีฬาไทยเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในอีก 4 ปีข้างหน้า “แอลเอ 2028” ที่จะต้องเร่งทำผลงานให้ดีกว่าเดิมหรืออย่างน้อยเท่าทุน

เชื่อว่าผลงานของเหล่าฮีโร่ทั้งหลายจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้นักกีฬาหลายคนเอาจริง เอาจังมากขึ้น.

โจโจ้

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม