หน้าแรกแกลเลอรี่

“ความสุข” ในความทุกข์ จาก “น้องโม” ถึง “น้องวิว”

ซูม

7 ส.ค. 2567 05:26 น.

เช้าวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็น “ยามเช้า” ที่ผมมีความสุขอย่างยิ่งวันหนึ่งของปี 2567 ที่ผ่านมาแล้ว 7 เดือนเต็มๆ

“ความสุข” จากผลงานของนักกีฬาไทยที่ไปแข่งขันและสร้างชื่อสร้างเสียงให้แก่ประเทศไทยในต่างประเทศในช่วงหลายๆปีมานี้ และในช่วงกีฬาโอลิมปิกที่กำลังแข่งขันที่กรุงปารีสนั่นแหละครับ

เริ่มจากเวลา 7 โมงเช้าเป๊ะ การถ่ายทอดสดของทรูวิชั่น สำหรับการแข่งขันกอล์ฟหญิงของสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ LPGA รายการ Portland Classic เพิ่งจะจบลง

ผลปรากฏว่านักกอล์ฟสาวไทยของเราสามารถคว้าแชมป์มาครองได้อีกแล้ว คราวนี้เป็นผลงานของนักกอล์ฟที่ชื่อว่า โมรียา จุฑานุกาล ที่สื่อมวลชนมักเรียกว่า “น้องโม”

โมรียาชนะแบบพลิกล็อก เพราะไม่มีใครคาดอะไรล่วงหน้าไว้ ไม่อยู่ในรายชื่อเต็ง 1-25 คนแรกของ ลาสเวกัส เสียด้วยซํ้า

เธอได้ถ้วยใบเบ้อเริ่มและเงินรางวัล 262,500 เหรียญสหรัฐฯ คูณออกเป็นเงินไทยด้วยอัตราแลกเปลี่ยน ณ นาทีนั้น ดอลลาร์ละ 35 บาท 33 สตางค์ จึงเท่ากับ 9 ล้าน 2 แสน 7 หมื่นกว่าบาท

แน่นอนรางวัลก้อนนี้เป็นของเธอร้อยเปอร์เซ็นต์ จะไปแบ่งให้คนถือถุงกี่เหรียญกี่บาทอยู่ที่เธอกับเขาจะตกลงกันไว้...ส่วนรางวัลที่กองเชียร์หรือคนไทยอย่างเราๆได้รับก็คือความสุขและความภูมิใจ

ความสุขที่ได้ยินผู้บรรยายภาษาอังกฤษเอ่ยคำว่า THAILAND ประเทศของน้องโมและของพวกเราทุกคนซ้ำแล้วซ้ำอีก และตอนสรุป “ลีดเดอร์บอร์ด” เรียงจากอันดับ 1 ไปจนถึงอันดับบ๊วย จะมี “ธงชาติไทย” ผืนเล็กๆ ปักอยู่หน้าชื่อโมรียาด้วย

คนไทยคนไหนบ้างที่จะไม่รู้สึกภูมิใจที่เห็นธง “ไตรรงค์” ของเราไปโดดเด่นอยู่เหนือ “ธง” ของชาติอื่นๆ

สำหรับโมรียา นี่เป็นชัยชนะได้แชมป์ LPG เป็นหนที่ 3 ของชีวิต จากการแข่งขันอาชีพมาแล้ว 12 ปี เทียบกับ “น้องสาว” ที่ชื่อ เอรียา จุฑานุกาล ถือว่าห่างไกลพอสมควร เพราะ “น้องเม” ได้แชมป์สหรัฐฯมาถึง 12 แชมป์ ยุโรปอีก 2 แชมป์ และเคยเป็นมือ 1 โลกอยู่นานพอสมควร

แต่สิ่งที่น้องโมพิสูจน์ให้เห็นก็คือ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น...เธอพยายามและพยายามจนนึกว่าจะไม่มีโอกาสได้แชมป์อีกแล้ว แต่ในที่สุดก็ยังมีจนได้ซีน่า

มาได้ตอนอายุ 30 ปีพอดี...ไม่เอ่ยคำว่า “30 ยังแจ๋ว” ก็ไม่รู้จะเอ่ยอะไรอีกแล้วละโมเอ้ย!

อิ่มสุขกับชัยชนะของโมรียาอยู่พักใหญ่ๆก็ได้เวลา “อาบัง” ส่งหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้านขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งหนังสือพิมพ์บ้านผม ...แน่นอนต้องหยิบ “ไทยรัฐ” มาอ่านก่อนฉบับอื่น

เห็นพาดหัวตัวบนสุดก็ยิ่งสุขใจขึ้นไปอีก เมื่อพบข้อความว่า นักแบดมินตัน “เดี่ยวชาย” ของเรา กุลวุฒิ วิทิตศานต์ สามารถสร้าง “ประวัติศาสตร์” ให้แก่วงการลูกขนไก่ไทยได้สำเร็จ

ปราบนักแบดมาเลเซีย หลี่ ซีเจี๋ย เข้าชิงเหรียญทองกับ วิคเตอร์ แอ็กเซลเซน จากเดนมาร์ก มือ 2 โลก ในค่ำวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. ถือว่าการันตีได้ เหรียญเงิน แล้วในมือ

นับเป็นครั้งแรกที่นักแบดมินตันไทยสามารถ “คว้าเหรียญ” โอลิมปิกมาครองได้นับตั้งแต่โอลิมปิกจัดให้มีการแข่งขันกีฬาประเภทนี้ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2535 ที่ บาร์เซโลนา เมื่อ 32 ปีที่แล้ว

หรือถ้านับจากปีที่ประเทศไทยก่อตั้งสมาคมแบดมินตันฯเมื่อปี พ.ศ.2493 เป็นต้นมาละก็...นี่คือครั้งแรกในรอบ 74 ปีเลยทีเดียว

เสียดายที่ผมต้องส่งต้นฉบับก่อนเจ้าวิวลงแข่งในคืนวันจันทร์จึงไม่ทราบผลแพ้ชนะ แต่ไม่ว่าแพ้หรือชนะ...ผมก็พอใจแล้วครับ เพราะการได้เหรียญเงิน (สมมติว่าอย่างนั้นนะ) ของนักแบดไทยก็ถือเป็นประวัติศาสตร์ส่วนตัวของผมเช่นเดียวกัน

ผมติดตามข่าวแบดมินตันตอนอายุ 12 ขวบ ด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ที่ร้านกาแฟข้างบ้านที่ต่างจังหวัด จำชื่อนักแบดรุ่นเก่าได้หมดทุกคน...จึงเท่ากับว่าผมตามเชียร์มา 70 ปีพอดี น้อยกว่าอายุสมาคมแบดฯแค่ 4 ปีเท่านั้นเอง

70 ปีที่รอคอย สมหวังแล้วครับคุณหญิงปัทมา!.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ "เหะหะพาที" เพิ่มเติม