MR .Unknown
เรื่องของ ชุดพาเหรดนักกีฬาโอลิมปิก จากเรื่องไม่น่าเป็นเรื่อง ก็กลายเป็นเรื่องได้เหมือนกัน
เรื่องนี้ก็ขอเขียนส่งท้าย หลังจากที่เรื่องราวจบลงไป แต่สามารถใช้เป็นบทเรียนในการทำงานอื่นๆของวงการกีฬาได้ต่อไปในอนาคต ด้วยเหตุปัจจัยว่าว่า โลกเราได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในเรื่องของโลกข่าวสารข้อมูล
เรื่องชุดนักกีฬาครั้งนี้ จะว่าคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ไม่ให้ความสำคัญก็ไม่ได้ เพราะมีการดำเนินการจ้างออกแบบเป็นจำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งก็ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ร่วมเข้าไปด้วย
ทราบว่า ในปีนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงการจ้างผู้รับเหมาตัดชุด สูท เบลเซอร์ ซึ่งทางสูททรงสมัยได้ผูกปิ่นโตมาหลายปีดีดัก และทำการออกแบบใหม่ ซึ่งแนวคิดนี้จะว่าไปก็ดีอยู่ คือให้มันเปลี่ยนแปลงไม่ผูกขาดบ้างก็ดี แล้วมาวัดกันที่คุณภาพงาน
แต่ก็นั่นแหล่ะ การปรับเปลี่ยนน่าจะดี แต่กลับไปทำให้ไม่ดี เมื่อบริษัทออร์แกไนซ์ที่รับดำเนินการออกแบบและจัดหาชุดสูทนี้ เมื่อได้งานไปแล้ว ผลออกมา รูปลักษณ์ออกมาไม่เข้าตาประชาชน บ่นกันทั้งเมืองเปลืองภาษีเปล่าๆ
แม้ว่า อาจจะมีการแบ่งฝ่าย สำหรับคนที่ชอบกับไม่ชอบ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็น คณะกรรมการโอลิมปิคที่ยังชอบ แต่ประชาชนทั่วไป ไม่ชอบ
ก็ถือว่าเราได้ข้อมูลสำหรับความรู้ แนวทางใหม่ๆในวันข้างหน้าว่าจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคตกับเรื่องนี้
อันดับแรก เรื่องเสื้อผ้าหน้าผม แฟชั่นของวงการกีฬา ไม่สามารถมองข้ามปล่อยปละละเลยได้อีกต่อไป สิ่งนี้ก็คงต้องเน้นสำหรับองค์กรกีฬาในการทำงานออกแบบในแต่ละงานออกมา
จะต้องมีการออกแบบคัดเลือกอย่ากว้างขวาง และตัดสินโดยผู้เชี่ยวชาญและหลากหลายมุมมอง ไม่ไช่ ให้กรรมการคนเก่าคนแก่เห็นชอบพยักหน้าว่าได้ ก็ได้แค่นั้น
ที่สำคัญก็ควรจะตัดออกมาเป็นม็อกอัพ หรือ โมเดล ออกมาให้เห็นเป็นจริงด้วยจะดีที่สุด
ไม่ไช่แค่ออกแบบเพียงในคอมพิวเตอร์ซึ่งก็อาจจะไม่สามารถใช้งานได้จริง หรือ ไม่ได้รูปลักษณ์ตัวจริงออกมา
จากกระบวนการนั้นแล้ว ก่อนจะปล่อยออกมา ก็ควรจะให้มีข้อมูลข่าวสาร ได้มีการอธิบายผลงานออกมาด้วยว่า การออกแบบผลิตภัณฑ์นี้สื่อถึงอะไร มีแนวทางอย่างไร มีความหมายอย่างไร
แล้วออกมาพร้อมชุด คล้ายๆกับ เจ้าของผลิตภัณฑ์แบรนด์ชั้นนำทั่วไป มืออาชีพเขาทำกัน
เช่นนี้ก็จะช่วยลดปัญหาไปได้มาก
ซึ่งนี่ก็คือ 1 สิ่งของบ้านเราที่สามารถทำให้เป็นเรื่องได้ และทำให้องค์กรกีฬาต่างๆจดไว้เป็นการบ้าน
เปิดกว้างออกแบบ เปิดให้มีคณะกรรมการพิจารณา ทำม็อกอัพออกมา อธิบายสื่อตวามหมาย
เพราะปัจจุบันนี้ โลกออนไลน์ ข้อมูลข่าวสารไปไว จะปิดยังไงก็ไม่มิด ข้อมูลมักจะรั่วไหลได้ตลอดเวลา
อันสุดท้ายนั้นยิ่งสำคัญ โลกออนไลน์ที่เปลี่ยนโลกไป การทำงานก็ต้องให้ทันโลกมากขึ้น
และแน่นอน คนเก่าคนแก่มีองค์ความรู้ มีประสบการณ์ แต่โลกที่เปลี่ยนไป องค์กรก็ต้องขยับหมุนตามโลก ต้องมีคนหนุ่มคนสาวเข้ามาร่วมงานเพื่อพัฒนาองค์กรไม่ไห้เก่า ไม่แก่ เป็นภาพติดภาพจำขององค์กรไปด้วย
หลายๆเรื่องก็น่าจะต้องบูรณาการกันไปเลยเลยทีเดียว ไม่ไช่แค่เปลี่ยนชุดแล้วจบ
กล้า ปีนเกลียว