หน้าแรกแกลเลอรี่

ทบทวนอีกที

โจโจ้

19 ก.ค. 2567 05:05 น.

อีกไม่ถึง 10 วันจะเข้าสู่มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ “โอลิมปิกปารีส 2024” ที่จะเปิดฉากอย่างเป็นทางการ 26 ก.ค. ตอนนี้ทัพนักกีฬาไทยทยอยเดินทางเข้าสู่กรุงปารีสเกือบหมดแล้ว อาจจะเหลือไม่กี่สมาคมกีฬาที่มีชิงชัยในช่วงกลางทัวร์นาเมนต์

โอลิมปิกเกมส์ถือเป็นงานใหญ่อีกครั้งของทัพไทยในการไล่ล่าความสำเร็จ “เหรียญทอง” กลับมาฝากแฟนกีฬาชาวไทย ส่งกำลังใจไปเชียร์เยอะๆ เพื่อให้เป้าหมายเป็นไปตามที่หวังไว้

หลังจบ “ปารีสเกมส์” จะเป็นคิวของ “เอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์” ที่ไทยขอรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 21-30 พ.ย.

ทัวร์นาเมนต์นี้หากดูเผินๆเหมือนเป็นรายการใหญ่ เพราะเป็นระดับเอเชียแต่เท่าที่ผ่านมาโดยเฉพาะที่ไทยเคยเป็นเจ้าภาพที่จังหวัดภูเก็ต จำนวนคนดูมีน้อยมากแทบจะเรียกว่า “แข่งกันเองดูกันเอง” ซะมากกว่า แถมแฟนกีฬาทั้งไทยและเทศให้ความสนใจกันน้อยมาก

เอาง่ายๆ ชาติมหาอำนาจอย่าง จีน รวมถึง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยังไม่สนใจที่จะเป็นเจ้าเหรียญทอง แถมแต่ละชาติที่ส่งมาล้วนเป็นนักกีฬาชุดเล็กระดับเกรดบี หรือซี เพื่อเก็บประสบการณ์เตรียมไว้เป็นอะไหล่ของทีมชาติใหญ่ ส่วนทีมชาติชุดใหญ่ก็จะเตรียมพร้อมสำหรับทัวร์นาเมนต์เอเชียนเกมส์และโอลิมปิกเกมส์มากกว่า

ที่สำคัญกีฬาส่วนใหญ่ที่จัดชิงชัยไม่ค่อยมีบรรจุในสากลอย่างโอลิมปิกเกมส์สักเท่าไหร่

อย่างว่าครับ “อินดอร์เกมส์ฯ” เมื่อก่อนประเทศที่เป็นเจ้าภาพจะจัดแค่ “10 กว่าชนิดกีฬา” เท่านั้น เพราะจะว่าไปแล้วเหมือนเป็นการเก็บตกชนิดกีฬาที่ไม่มีทัวร์นาเมนต์ใหญ่

ไม่ใช่ว่าจะมาค้านถึงการเป็นเจ้าภาพของไทย แต่เมื่อ “บวกลบคูณหาร” ดูแล้วไม่รู้ว่าการเป็นเจ้าภาพของไทยหนนี้มันคุ้มค่าหรือเปล่ากับงบประมาณกว่า 2 พันล้านเมื่อเทียบกับความสำเร็จที่ผ่านมา

จริงอยู่ถือเป็นทัวร์นาเมนต์หรือเวทีให้นักกีฬาไทยได้ประลอง แต่ถ้าเราคิดเหมือนทุกชาติด้วยการส่งทีมชุดเล็กลงแข่งขันเพื่อให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์สำหรับเตรียมไว้ขึ้นชุดใหญ่หรือจัดแค่ 10 กว่าชนิดกีฬาคงจะเหมาะสมกว่า อย่างน้อยงบประมาณไม่บานปลายแน่นอน

เท่าที่ทราบข้อมูลการเป็นเจ้าภาพของไทยหนนี้เราบรรจุชนิดกีฬามากถึง 38-39 ชนิด ใกล้เคียงกับ “ซีเกมส์” ผมว่าค่อนข้างเยอะไปหน่อย เมื่อเทียบกับงบประมาณที่ต้องเสียไป

อย่าลืมนะครับในปีหน้า 2568 ไทยต้องเป็นเจ้าภาพจัด “ซีเกมส์รวมถึงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดยูธโอลิมปิกเกมส์” เราเตรียมงบประมาณไว้สำหรับ 2 รายการนี้ดีกว่าหรือเปล่า

คงต้องฝากถึง “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ต้องทบทวนในเรื่องการเป็น “เจ้าภาพจัดอินดอร์ฯ” อีกครั้งว่าคุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไปหรือไม่!

ยิ่งตอนนี้ภายใน “โอซีเอ” สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย กำลังมีเรื่องขัดแย้งกันอยู่และกำลังจะมีการเลือกประธานกันใหม่ในเร็วๆนี้ หากเราเลือกทางเดินที่จะยอมเสียค่าปรับหรือเงินมัดจำน่าจะดีกว่าเสียกว่า 2 พันล้าน

แถมในปีหน้า 2568 ซาอุฯก็จะเป็นเจ้าภาพจัด “เอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์” แล้วแบบนี้จะไม่กระชั้นไปหรือ แล้วความสำคัญหรือคุณภาพจะมีมากน้อยแค่ไหน

ในเมื่อเรากำลังจะเตรียมงานใหญ่อยู่แล้ว เราควรต้องเลือกทางที่เหมาะสมไม่ใช่ส่งสะเปะสะปะมั่วไปหมด

ก็แค่ความคิดของสื่อกีฬาตัวเล็กที่รู้สึกห่วงใยและกังวลกลัวว่า 2 ทัวร์นาเมนต์อย่างซีเกมส์และยูธโอลิมปิกเกมส์ เราจะทำได้ไม่ดีพอ

เลือกดูครับอย่างไหนจะคุ้มกว่ากัน.

โจโจ้

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม