ของมันชอบ

ต่อเนื่องกันทันที หลังจบวอลเลย์บอลเนชันส์ลีก ไฟนอลส์ 2024 ซึ่งไทยเราเป็นเจ้าภาพ และมีแมตช์เล่น 1 นัด ก็ได้รับคำชมจากสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ เป็นการใหญ่

โดยชื่นชมทั้งการจัดการที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงแฟนวอลเลย์บอลชาวไทยที่เข้าไปเชียร์กันแน่นขนัดให้กำลังใจทุกทีมทุกวัน แม้วันที่ทีมไทยไม่ได้แข่งขันด้วยก็ตาม เป็นบรรยากาศที่สุดยอดมากหาได้ยากในประเทศอื่นๆ

นั่นทำให้สหพันธ์วอลเลย์บอลฯจะให้ไทยเราเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลกในปีหน้า ซึ่งสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลฯก็จะนำเรื่องหารือกับภาครัฐเพื่อตัดสินใจต่อไป ด้วยงบประมาณในการจัดต้องใช้เงินก้อนใหญ่แน่

ในเวลาเดียวกัน ก็มีการเผยแพร่ผลการประเมินการเป็นเจ้าภาพ “เนชันส์ลีก ไฟนอลส์ 2024” ในเชิงมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างสวยหรู จากเงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ผลออกมาก็คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ ด้านการจ้างงาน ด้านการท่องเที่ยว เป็นตัวเงินกว่า 1,200 ล้านบาท เรียกว่าสอดรับกันพอดี กับทิศทางในเกมใหม่ที่ได้รับการเสนอเข้ามา ก็รอดูกันต่อไปว่าจะเอาอย่างไรกัน

เรื่องของการจัดเกม จัดอีเวนต์ในบ้านเรา ดูจะเป็น “ของชอบ” ไม่ว่าจะมีสถานการณ์อย่างไร แต่เมื่อมีเรื่องของการเป็น “เจ้าภาพ” ส่วนใหญ่มักจะไม่พลาด ไอ้ที่เกินเอื้อมยังเอามาฝันกันได้หมด

แต่จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย และดูจะสอดรับกับภาพรวมของประเทศ ที่เน้นหนักไปในเรื่องของการท่องเที่ยว ดึงคนเข้ามาหาอีเวนต์โปรโมตกัน

เพียงแต่ต้องดูถึงความ “คุ้มค่า” ที่เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเม็ดเงินหรือการพัฒนา สร้างแรงบันดาลใจในมิติต่างๆ การประเมินนั้นก็ต้องทำไปเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ ไม่ใช่มีธงอยู่แล้ว แต่ต้องการเหตุผลสนับสนุนเท่านั้น

อีกหนึ่งอีเวนต์ใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น กีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 6-17 พ.ย. โดยแข่งกันในกรุงเทพฯ และชลบุรี ซึ่งเดิมทีต้องจัดกันตั้งแต่ปี 2021 หรือ พ.ศ.2564 แต่เจอทั้งโควิดและความไม่พร้อมต่างๆ จึงต้องเลื่อนกันหลายครั้งจนมาลงล็อกดังกล่าว

กีฬานี้ถ้าพูดกันตรงๆเป็นกีฬาระดับรองๆ ไม่ได้เป็นกีฬาสำคัญใหญ่โตอะไร ลองไปย้อนดูข่าวเก่าๆกันได้ การได้มาเป็นเจ้าภาพของเรานั้นเกิดขึ้น ในเดือน ต.ค.ปี 2560 โดย ชีคอาหมัด อัล ฟาฮัด อัล ซาบาห์ ประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ขณะนั้นได้เข้าพบกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านกีฬาตอนนั้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีการหารือถึงความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะรับเป็นเจ้าภาพจัด ด้วยหลังจบการแข่งขันครั้งที่ 5 ที่ประเทศเติร์กเมนิสถาน เมื่อเดือน ก.ย.2564 ยังไม่มีเจ้าภาพรับช่วง

นั่นหมายถึงมีการ “ร้องขอ” ด้วยไม่มีใครสนใจเป็นเจ้าภาพ

ทำไมไม่เอาเอเชียนเกมส์มาให้จัดกันบ้างล่ะ

กีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์นั้น หากจะนับกันจริงๆที่เอา 2 เกม เอเชียนอินดอร์เกมส์ และเอเชียนมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ มารวมกันจัด เพิ่งจะเกิดเป็นครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ไทยเรานั้นเคยจัดเอเชียนอินดอร์เกมส์ ครั้งแรกปี 2005 (จัด 9 กีฬา) และจัดเอเชียนมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งแรกและครั้งเดียว ปี 2009 (9 กีฬาเช่นกัน) ก่อนจะมาควบรวมกันและนับต่อกันจนเป็นครั้งที่ 6 ในครั้งนี้

ใน 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ที่ควบรวมกันแล้วนั้น อินชอน เกาหลีใต้ จัดปี 2013 มี 12 ชนิดกีฬา ถัดมาอาชกาบัต เติร์กเมนิสถาน จัดปี 2017 มี 21 ชนิดกีฬา

แต่ครั้งนี้ไทยแลนด์ ที่เดิมต้องจัดปี 2021 จนขยับมาเป็น 2024 วางกีฬาไว้ถึง 34 ชนิด บวกกีฬาสาธิตอีก 2 รวมชิงกันถึง 364 เหรียญทอง

รอดูว่าแฟนๆจะแย่งกันดูจนสนามแตกหรือเปล่า!

มีกีฬามากมายหลายชนิดที่เพิ่มเติมเข้ามาและหลังเกมนี้ ไม่รู้จะมีความต่อเนื่องไปแข่งกันต่อที่ไหน

งบประมาณที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีกใช้เปล่าไปมากมายมหาศาลคงไม่ต้องไปคิดมันแล้ว ส่วนที่ขอใหม่เตรียมจะจัดกันนี้ เดิมที่คิดว่าพันกว่าล้าน แต่เท่าที่ได้ยินมีการขอไปในส่วนต่างๆรวมๆแล้วกว่า 2 พันล้าน

เมื่อเราอยากเพิ่มกีฬา เราก็ต้องยอมให้เพื่อนเพิ่มด้วย เหมือนแลกโหวต สว.ยังไงยังงั้นทำให้บานไปเรื่อย

แน่นอนย่อมมีคนได้หน้าได้ตา ได้แสดงบทบาทพี่ใหญ่ในงบประมาณมหาศาลที่ต้องใช้ไป มุมดีคือ นักกีฬา สมาคมกีฬา มีความเคลื่อนไหว มีเกมให้ลงสนาม แต่ชนิดกีฬานั้นแตกต่างจากสากลระดับโอลิมปิกอยู่มากมาย ถือเป็นการพัฒนาในทางที่ถูกที่ควรหรือไม่!!!

ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ต้องใช้เป็นอย่างไร ไม่พ้นขีดๆเขียนๆ หาเหตุเพิ่มจำนวน เพิ่มเวลาอยู่ในเมืองไทยหาตัวคูณประเมินกันออกมา

ชอบจัดอีเวนต์ไม่ว่า แต่ต้องเอา “ของดี” มาทำ ไม่ใช่อะไรก็ได้มาปั่น สร้างภาพกัน เสียดายเงิน (ภาษี) กันบ้างเถอะ...

“เบี้ยหงาย”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม