หน้าแรกแกลเลอรี่

สัญญาประชาคม

MR .Unknown

28 มิ.ย. 2567 21:59 น.

นับจากวันที่สมาคมกีฬาลูกหนังได้ผู้นำคนใหม่ภายหลังมีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา จากวันนั้นถึงวันนี้จะเห็นได้ว่าแฟนกีฬาต่างเชื่อมั่นและหวังว่านายกคนใหม่จะเข้าไปสานภารกิจด้วยการยกเครื่องลูกหนังไทยให้ก้าวไกลกว่าที่ผ่านมา

เมื่อกล่าวถึงความคาดหวังและความเชื่อมั่นของแฟนบอลที่มีต่อผู้นำคนใหม่คงจะสอดคล้องกับการสำรวจความคิดเห็นของ KBU SPORT POLL ที่ใช้โอกาสหลังการเลือกตั้งจบลง (ระหว่าง 9-11 กุมภาพันธ์ 2567) ด้วยการเชิญชวนแฟนบอลมีส่วนร่วมในการสะท้อนมุมมองประเด็น “ปรากฏการณ์บอลไทยหลังการเลือกตั้งนายกสมาคม”

ในการสำรวจครั้งนั้นมีการสอบถามในหลากหลายประเด็นแต่ที่น่าสนใจคือมิติของความเชื่อมั่นที่มีต่อนายกสมาคมกับการบริหารจัดการสู่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งประเด็นนี้พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นค่อนข้างมากว่านายกคนใหม่น่าจะทำได้

และที่น่าสนใจในโพลดังกล่าวเมื่อพิจารณาความคาดหวังที่แฟนบอลต้องการให้นายกสมาคมดำเนินการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมนั้นต่อกรณีนี้สาวกลูกหนังต่างคาดหวังและต้องการให้วงการบอลไทยก้าวข้ามปัญหาและขวากหนามเดิมๆ โดยเฉพาะ การปรับระบบระบบการบริหารจัดการ ตามด้วยวางรากฐานและโครงสร้างการพัฒนาเยาวชนอย่างครบวงจร/วางแผนเตรียมทีมชาติไทยทุกระดับอย่างเป็นระบบ/ปรับระบบและมาตรฐานกรรมการผู้ตัดสิน/ยกระดับฟุตบอลลีกทั้งชายและหญิงสู่มาตรฐานสากล และจัดสิทธิประโยชน์ให้สโมสรสมาชิกที่เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม

จากมุมมองที่คอบอลสะท้อนผ่านโพลในครั้งนั้นเมื่อนำมาผนวกกับการเดินหน้าสำหรับการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาและยกระดับบอลไทยของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯภายใต้การบริหารจัดการของสภากรรมการที่มี “นายกแป้ง”

เป็นจอมทัพก็พอจะประมวลได้ว่าในหลายมิติที่แฟนๆ คาดหวังรวมทั้งสัญญาประชาคมที่นายใหญ่ได้เปรยต่อสาธารณะก็ถือว่าได้มีการขยับและรุกคืบไปพอสมควร

เมื่อพูดถึงการเดินหน้าของนายกสมาคมที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงและตอบโจทย์ “Better Together” นอกจากการส่งสัญญาณของแฟนกีฬาผ่านโพลแล้วเมื่อผนวกกับมุมมองของ บี บางปะกง คอลัมนิสต์ลูกหนังชื่อดังที่ปันความคิดเรื่อง “ผลงานเท่านั้นคือคำตอบ” ในไทยรัฐสปอร์ตออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้ยิ่งชัดเจนว่าการบ้านและโจทย์บนความท้าทายกำลังรอให้นายหญิงและทีมงานเร่งผลักดัน

วันนี้เมื่อสังคมหรือคอกีฬาส่วนใหญ่ต้องการเห็นวงการฟุตบอลไทยเปลี่ยนและทะยานสู่มาตรฐานสากลเชื่อว่าด้วยพลังแห่งความรู้ ความสามารถตลอดจนประสบการณ์ และเครือข่ายซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนหลักของนายกการก้าวไปปักหมุดหรือชูธงแห่งความสำเร็จคงจะไม่ไกลเกินฝัน

และเหนืออื่นใดเมื่อฟุตบอลเป็นหนึ่งในกีฬามหาชนภายใต้ความคาดหวังของคนทั้งประเทศที่ต้องการเห็นวงการลูกหนังไทยหลุดพ้นจากวังวนหรือหลุมดำในอดีตจากโจทย์ดังกล่าวจึงเป็นพันธกิจหรือการบ้านชิ้นโตของนายกและสภากรรมการสมาคมฯ ที่จะหาคำตอบว่าทำอย่างไรที่จะให้การบริหารจัดการภายใต้ความคาดหวังประสบความสำเร็จบรรลุตามวิสัยทัศน์ นโยบาย และยุทธศาสตร์ดังที่เคยให้ไว้กับประชาคม

ซึ่งจากโจทย์ดังกล่าวหากพิจารณาถึงหลักแห่งความเป็นจริงก็จะพบว่าความสำเร็จจะตามมาได้นั้นย่อมจะมีตัวแปรหรือปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีกหลากหลาย

ดังนั้นการก้าวเดินเพื่อการปักหมุดแห่งความสำเร็จที่สอดคล้องกับบริบทของวงการลูกหนังโลกและทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริงการ “ทำได้ ทำไว” และมีผลลัพธ์ที่จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมจึงน่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายให้กับคอบอลทั่วทิศ

และเหนืออื่นใดหากผู้นำและสภากรรมการต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงและประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการภายใต้ความคาดหวังของทุกภาคส่วนที่แท้จริงแล้วหนึ่งในมิติที่พึงตระหนักและไม่ควรมองข้ามคือการฟังความรอบด้านและไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจหรืออิทธิพลของผู้หนึ่งผู้ใด

ถ้าเป็นดังว่า ผู้ซึ่งเป็น “อัศวินม้าขาวตัวจริง” สำหรับการกอบกู้และยกเครื่องวงการลูกหนังไทยหากจะยกให้ “นายกแป้ง” ก็คงจะไม่เกินความจริงไปมากนัก

รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร