หน้าแรกแกลเลอรี่

“ศรัทธาฟ้าน้ำเงิน”

บี บางปะกง

19 พ.ค. 2567 10:19 น.

18 ปี บนลีกสูงสุด

และแล้ว เสาร์ที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

“ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ก็มีอันต้องกระเด็นตกชั้นจากศึกไทยลีกเป็นครั้งแรก เรียบร้อยแล้วล่ะครับ

หลังพวกเขาตกเป็นฝ่ายปราชัยในศึก “เอลกลาซิโกเมืองไทย” ที่สังเวียนศุภชลาศัย

ต่อคู่รักคู่แค้น “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ยับเยินถึงครึ่งโหล

ทำให้ตำนานทีมภูธรสโมสรแรกของเมืองไทย ที่ก้าวจากโปรวินเชียลลีก

มาสู่การเป็นแชมป์ไทยลีกอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2007

ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่กับการทัวร์ทั่วไทย ในลีกพระรอง ฤดูกาลหน้า

ขณะเดียวกันก็ส่อเค้าว่า “ทีมภาคตะวันออก” จะสูญพันธุ์จากลีกสูงสุดไปซะหมดด้วย

เพราะ ตราด เอฟซี ก็ไม่รอดสันดอนเช่นเดียวกัน

เหลือความหวังหนึ่งเดียวในตอนนี้คือ “ม้านิลมังกร” ระยอง เอฟซี ที่ต้องลุ้นเพลย์ออฟ ชิงตั๋วไทยลีกใบสุดท้ายในสัปดาห์หน้า

คิดแล้วใจหายจริงๆ ครับ เพราะผมกับผู้บริหาร “ชลบุรี เอฟซี” ผูกพันกันมาอย่างยาวนาน

ตลอดทั้งชีวิตการเป็น “นักข่าวกีฬา” ของตัวเองเลยก็ว่าได้

ตั้งแต่ ประธานสโมสร วิทยา คุณปลื้ม, “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล, “พี่ณพ” อรรณพ สิงห์โตทอง จนมาถึง “น้องบอล” ศศิศ สิงห์โตทอง

ยังจำได้ดีเมื่อครั้งที่ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามทัพฉลามยุครุ่งโรจน์ บินไปทำศึกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เมื่อ 16 ปีก่อน ที่โอซากา ประเทศญี่ปุ่น

โดยมี “เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ โค้ชลูกหม้อของทีมเป็นกุนซือใหญ่ บุกเยือน กัมบะ โอซากา ถิ่นเก่าของ “เฮงซัง”

ถือเป็นทริปสุดยอดประทับใจในความทรงจำอย่างมิรู้ลืมเลือน

และเป็นความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางอันยาวไกลของฉลามตัวนี้

ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าวันนึงจากความรุ่งเรืองสุดขีดในครั้งนั้น

สุดท้ายแล้วจะต้องมาเห็นสโมสรต้นแบบฟุตบอลอาชีพอย่าง “ชลบุรี เอฟซี”

เป็นหนึ่งในทีมที่ต้องตกชั้นลงไปอย่างน่าเศร้า!

ซึ่งเหตุแห่งความดำดิ่งที่พา ฉลามชล มาถึงจุดนี้ ก็คงเป็นเรื่องของ “งบประมาณ”

ที่มีไม่มากพอในการที่จะทุ่มซื้อผู้เล่นระดับคุณภาพ มาเสริมทีมเหมือนยุคก่อนๆ

ปัญหาของสปอนเซอร์หนุนทีม ซึ่งนับวันจะหายากเย็นเต็มที

ยิ่งช่วงหลังทีมไม่ได้แชมป์อะไรเลยมานานหลายปีแล้ว ทำให้เม็ดเงินจากผู้สนับสนุนถูกลดทอนไปเรื่อยๆ

ไม่เหมือนบิ๊กทีมเงินถุงเงินถังหัวตาราง ที่เจ้าของสโมสรล้วนเป็นมหาเศรษฐีที่พร้อมทุ่มไม่อั้น เพื่อไขว่คว้าความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น

กอปรกับ โมเดลของชลบุรี ต้องนำงบที่ได้มาจำนวนจำกัด ไปบริหารทีมตั้งแต่เยาวชนจนถึงชุดใหญ่

ความยากลำบากจึงทบทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นแผลเรื้อรังยากเยียวยา

ซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญอีกอย่างนึง คือ การจากไปของ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ ที่ขอลาเก้าอี้เพื่อรับผิดชอบผลงานย่ำแย่ในช่วงนึง

จนมาถึงการการเลือก “โค้ชเทกุ” มาโกโตะ เทกุระโมริ มาเป็นเฮดโค้ช หวังให้เข้ามาปั้นเด็กฉลามบู๊ไทยลีกอย่างเต็มตัว

แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามแผน เมื่อสไตล์โค้ชซามูไรผู้นี้ไม่ตอบโจทย์กับผลงานที่แฟนชลบุรีคาดหวังไว้เลยแม้แต่น้อย

หนำซำ้ผลงานของทีมยังสาละวันเตี้ยลงทุกวัน...จนต้องมาหนีตาย

ที่สุดโค้ชเทกุก็แยกทางกลับไปคุมบีจีรังเก่า และ “โค้ชเฮง” โดดลงมากู้วิกฤติทีมด้วยทรัพยากรที่มีอยู่

ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อการรอดตาย...อย่างที่เราได้เห็นกัน (จริงๆ)

เรียกว่าความตกต่ำที่เกิดขึ้นมามีปัจจัยหลายอย่างทั้งในและนอกสนามมาเป็นองค์ประกอบ

จะโทษใครคนใดคนหนึ่งคงไม่ได้ แต่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อปลุกชีพฉลามให้ฟื้นคืนมาสู่จุดที่ควรจะเป็นให้เร็วที่สุด

เอาความผิดพลาดที่ผ่านมาเป็นบทเรียน เอานำ้ตาที่เสียไปมาจุดประกายความหวัง

อย่าลืมว่าลูกนำ้เค็ม “ชลบุรี เอฟซี” มีสิ่งนึงที่ยิ่งใหญ่สุดยอดกว่าอีกหลายสโมสรมากมายนัก

นั่นคือแรงเชียร์อันทรงพลังจากสาวกฉลามที่คอยหนุนหลังสโมสรอย่างเต็มร้อยอยู่เสมอ

ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

จงลืมความผิดหวังแล้วลุกขึ้นสู้กันใหม่ เพื่อ “ศรัทธาฟ้าน้ำเงิน”

ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ทั้งในวันนี้ และในวันหน้า สู้ สู้ ครับ!!!

- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com