หน้าแรกแกลเลอรี่

จัดใหม่ให้ดี

เบี้ยหงาย

1 พ.ค. 2567 05:05 น.

จะเป็น ครม.เศรษฐา 2 หรือ 1/1 ก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ๆ เมื่อมีการปรับเปลี่ยนก็ย่อมต้องมี และควรมีอย่างยิ่งต่อความ "ใหม่" และความ "หวัง" ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

และเที่ยวนี้ เดิมทีในแวดวงกีฬาเรา เพียงแค่ผิวๆ สลับรัฐมนตรีกัน ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับวัฒนธรรม จนได้มาซึ่งรัฐมนตรีใหม่ เจ้ากระทรวงกีฬา เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช

ถ้าดูแต่ชื่อคงจะเห็นว่า ห่างจากแวดวงกีฬา หลายขุม แต่ถ้าดูความเก๋ากับเส้นทางที่ผ่านมา ก็ต้อง ถือว่าครบเครื่อง ผ่านมาจากข้าราชการประจำ และขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยมาแล้ว ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน ตอนมาอยู่ ก.วัฒนธรรม เชื่อว่าก็เป็นที่จับจ้อง ประกอบกับอายุมากและยิ่งต้องมาเกี่ยวกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ก็เป็นที่เพ่งเล็งไม่น้อย แต่ท่านก็ได้พิสูจน์ตัวเองและทำผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรม

และหากมองลึกลงไปเมื่อมีบุตรชายชื่อ ร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช ซึ่งถือเป็นคนคุณภาพ น่าจะ ได้รับแนวคิดใหม่ๆมาไม่น้อย ทั้ง ร.ท.ปรีชาพล นั้น ปัจจุบันก็เป็น บอร์ด กกท. หรือคณะกรรมการ การกีฬาแห่งประเทศไทย อยู่แล้ว ย่อมมีจุดเชื่อมทางความคิดแน่นอน

แต่ไม่เท่านั้น เมื่อมีการปรับและเปลี่ยนในตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีด้วย จนนำมาซึ่งการลาออก ของ รมว.ต่างประเทศ ปานปรีย์ พหิทธานุกร กลับมา ส่งตรงถึงการเปลี่ยนแปลงในทางกีฬาอีกชั้นหนึ่ง

ด้วยเดิมทีอดีตรองนายกฯปานปรีย์ถูกมอบ หมายจากนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ให้มานั่ง เป็นประธานบอร์ดการกีฬา และกองทุนฯ อยู่ด้วย นั่นทำให้ต้องมีการเปลี่ยนตัวประธานบอร์ดกันอีก

ลองมาดูตัวเลือกที่เหลืออยู่ รองนายกฯปัจจุบันมี 6 คน แต่เป็นคนของพรรคเพื่อไทยและนายกฯ เศรษฐาอยู่ 3 ท่าน ไล่จาก ภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งควบ รมต.พาณิชย์ และ 2 รองนายกฯที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ควบ รมว.คมนาคม อยู่เดิมกับ ใหม่เอี่ยมถอดด้าม พิชัย ชุณหวชิร ควบ รมว.คลัง

ก็ต้องเดาใจนายกรัฐมนตรี จะแบ่งงานรองคนไหนมาคุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งก็ จะมานั่งเป็นประธานบอร์ด กกท. และกองทุน ซึ่งมี ความสำคัญต่อวงการกีฬาแน่นอน

ถ้าดูตามชื่อ “พี่อ้วน” ภูมิธรรม นั้น เป็นมันสมอง ใหญ่ของพรรค หากได้มานั้นดีแน่ แต่คงยากที่จะส่งมา ส่วน รองฯ สุริยะ ก็ดูจะห่างออกไป เลยเหลือชื่อของ พิชัย ชุณหวชิร ซึ่งท่านจัดเป็นผู้บริหารในวงการกีฬาอยู่ ทั้งในฐานะรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมกีฬามวยฯ

คุณสมบัติถือว่าผ่านอยู่แล้ว แต่ข้อเท็จจริงกับ การที่เป็นทั้งรองประธานโอลิมปิก และนายกสมาคม กีฬามวยฯ นั้น มองดีก็ได้ แต่ถ้ามองร้ายนั้น อาจเกิด ความเสียหายอย่างหนัก!!!

ด้วยจะเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ กับการมานั่งเป็นประธานบอร์ด กกท. และกองทุน ที่มีอำนาจอนุมัติในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการจัดคนและจัดงบ

ที่ผ่านมายุคกีฬาสีเขียว อยู่ภายใต้เมฆหมอกของการปฏิวัติรัฐประหาร จนส่งผลเรื่อยมาจนทุกวันนี้ ก็ยังไม่หมดไป แปลงกายฝังราก ยังมีเชื้อเหลืออยู่ ประธานโอลิมปิกปัจจุบัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และเลขาโอลิมปิก พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา มีบทบาทและนำพาหลายเรื่องจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ อะไรดี อะไรร้าย คนกีฬารับรู้ บ้างก็พูด บ้างก็ไม่พูด

กระทั่งคนที่นายกฯเศรษฐา ใช้งานและหวังว่ารู้ ก็วนเวียนรับรู้รับเห็น อยู่ในวังวนแต่กลับปล่อยผ่าน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พิชัย ชุณหวชิร เองก็ผงาดและถูกมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจเรื่อยมาด้วยความใกล้ชิด

อีกทั้งตั้งแต่นี้ไปกำลังคืบคลานเข้าสู่การเลือกตั้ง คณะกรรมการโอลิมปิกไทย ทำอะไรคิดกันให้มาก มันโยงถึงกันได้หมด

ใครจะมาเป็นประธานบอร์ด และยุทธศาสตร์กิจการงานกีฬา ยังจะมีทั้งรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงและ ทีมงาน กับคณะกีฬาของนายกรัฐมนตรีเป็นมือไม้ มะรุมมะตุ้มช่วยกันทำ ถ้าไปในทิศทางที่ถูกที่ควร สมัครสมานสามัคคีกันดี มันก็ดีไป

แต่ถ้าไม่ ความมั่วจะเกิดขึ้นได้โดยพลัน!

ใช้โอกาสที่มีการเปลี่ยนแปลงนี้ จัดทัพกีฬาให้มีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ หน่อมแน้มไม่เอา ภาพดีทีเหลวเลิกเถอะ จะโดนหลอกกินงบ

จากเดิมอ้างโอลิมปิกปากมัน ยุคนี้ใช้คาถา “ซอฟต์พาวเวอร์” อย่าหัวกลวง โหยหาอยากได้ผลงาน จนไม่รู้ใครเป็นหมากให้ใคร

นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน รักกีฬา ชอบกีฬา เล่นกีฬา

ก็ต้องขับเคลื่อนกีฬาให้เป็นด้วย จะเป็นคุณประโยชน์อย่างยิ่ง...

“เบี้ยหงาย”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม