เบี้ยหงาย
การตัดสินของ กกท. โดยรองผู้ว่าการ ฝ่ายบริหาร มีชัย อินวู๊ด ในฐานะนายทะเบียนสมาคมกีฬาประจำกรุงเทพมหานคร ในปัญหาการจัดประชุมใหญ่ของสมาคมกีฬายิงปืน เมื่อ 24 ก.พ.ซึ่งมีวาระของการเลือกตั้งนายกสมาคม ซึ่งเกิดเหตุวุ่นวายในการประชุม จนประธานสั่งปิดประชุม แต่ก็มีสมาชิกในห้องประชุมไม่ยอมรับ ดำเนินการจัดประชุมต่อ อันนำไปสู่การเลือกตั้ง และมีผลคะแนนออกมา “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ชนะด้วยคะแนนเสียงโหวต 22 คะแนน
ซึ่งผลการพิจารณา มีการชี้ประเด็นความผิดใน 4 หัวข้อ จนนำมาซึ่งการเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่ในวันนั้น พูดภาษาบ้านก็ถือว่าเป็นโมฆะนั่นแหละ!
รวมทั้งมีการสั่งให้คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬายิงปืนฯชุดรักษาการ ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของสโมสรสมาชิกตามข้อ บังคับของสมาคม โดยคณะทำงานต้องเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมในการทำหน้าที่ เมื่อดำเนินการ ตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จสิ้นแล้ว ก็ให้สมาคมจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่ ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติสโมสรสมาชิกเสร็จสิ้นแล้ว
สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นจากนี้ กก.บริหารสมาคมชุดปัจจุบันในฐานะรักษาการ ยังมีอำนาจเต็มในการดำเนินงาน และต้องตั้งคณะทำงานตรวจสอบคุณสมบัติของสโมสรสมาชิก ตรงนี้ไม่ได้กำหนดกรอบไว้ว่าต้อง เสร็จเมื่อไหร่ แต่ไปกำหนดตรงหลังจากตรวจเสร็จแล้ว ต้องจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน
รวมถึงผู้สมัครชิงตำแหน่งก็ยังเป็น 3 คนเดิม เบอร์ 1 น.ส.โศภิสรา ทิพยมณฑล (เลขาธิการสมาคมเดิม) เบอร์ 2 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง และเบอร์ 3 นายสกล วรรณพงษ์ (นายกสมาคมเดิม) ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากนี้
อย่างไรก็ตาม ก็คงจะเบาใจได้ว่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามครรลองปกติ เมื่อทาง “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ นายกสมาคมรักษาการ ยืนยันคงไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องดึงเรื่อง และวางกรอบจะดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยสัปดาห์หน้าจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติของสโมสรสมาชิกขึ้นมา เป็นไปตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ก่อนที่คณะกรรมการจะประชุมกันราว 2 ครั้ง ช่วงปลายเดือน เม.ย.และจะเลือกตั้งช่วงปลายเดือน พ.ค.หรือต้น มิ.ย.
กรณีนี้ต้องไม่ลืมว่า เป็นปัญหาในเชิง “เทคนิค” ไม่ได้เป็นเหตุอันเนื่องมาจาก “ความผิด” หรือการ “ทุจริต” แต่อย่างไร นั่นทำให้คณะกรรมการบริหารสมาคมที่รักษาการอยู่นี้ มีอำนาจเต็มในการขับเคลื่อน สมาคม กิจกรรม ความรับผิดชอบต่างๆยังเดินหน้า ไม่เป็นเหตุให้สะดุด ทั้งเรื่องการเตรียมนักกีฬาที่ต้องไปคัดโอลิมปิก
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ และเกี่ยวพันกับการเลือกตั้งโดยตรง ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนว่า ใครสนับสนุนใคร ปัญหาอยู่ตรงไหน และหากรู้เห็นปัญหา จะแก้ไขอย่างไรหรือไม่
รวมทั้งผู้มีสิทธิ์เข้าสอบยังเป็นจำนวนเดิม น้อยกว่าหรือมากกว่า ก็ต้องรอการตรวจสอบกัน
เปรียบเหมือน เปิดข้อสอบให้ดูกัน ส่วนคำตอบวันก่อนกับวันหน้า ในจำนวนผู้มีสิทธิ์ที่ยังเป็นตัวแปรอยู่ จะเหมือนหรือต่างไปจากเดิม
ใครได้เปรียบ เสียเปรียบ ลองคิดดู...
“เบี้ยหงาย”
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่