เบี้ยหงาย
นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาเป็นอย่างยิ่ง นำทีมแถลงข่าวเองอย่างมีความสุขกับโครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจพลัส พร้อมลงนามกับ 17 รัฐวิสาหกิจ เพื่อสนับสนุน 87 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นระยะเวลา 4 ปี ปีละ 400 ล้านบาท รวมเป็น 1,640ล้านบาท
และนอกจากรัฐวิสาหกิจแล้ว ยังมีส่วนงานอื่น รวมถึงภาคเอกชนให้การสนับสนุนด้วย รวมทั้งสิ้น 38 หน่วยงาน
แน่นอนเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง ด้วยสมาคมกีฬาต่างๆซึ่งประสบปัญหาด้านการเงินโดยทั่วหน้า มากน้อยแตกต่างกันไปตามแต่งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรในรูปแบบต่างๆ รวมถึงศักยภาพของกีฬานั้นๆ และผู้บริหารสมาคม
การได้เม็ดเงินเข้ามาขับเคลื่อน เพื่อต่อยอด ย่อมเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของกีฬาไทยทั้งระบบ
ซึ่งผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้คือ คณะกรรมการนโยบายการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน เห็นชื่อก็คงรู้ว่ามีการรวบรวมบุคลากรจากส่วนต่างๆเข้ามาเป็นกรรมการ และย่อมมีจำนวนมากหลายคน
เมื่อหลายคน สิ่งหนึ่งที่เป็นมุมบวกคือ ต้องมีการแสดงความเห็น และได้รับฉันทามติ ก่อนจะทำสิ่งใดลงไป แต่ก็ต้องไม่ลืมถึงความเป็นจริงที่ทุกการประชุมต้องมีคนนำเสนอและสนับสนุนเป็นหลัก ส่วนจะมีค้านมากน้อย หรือกรรมการบางคน หรือ หลายคนในหมู่มาก อาจแค่ฟังผ่านหูไป เอออวยไปตามผู้นำเสนอ ก็มีอยู่เป็นปกติ
รายละเอียดของการสนับสนุนที่ออกมา แจงละเอียดยิบ รัฐวิสาหกิจหนึ่งกระจายจ่ายให้หลายสมาคมกีฬาเช่นกัน สมาคมกีฬาก็ได้รับมาจากหลายรัฐวิสาหกิจ หากจะรู้ว่าแต่ละสมาคมได้เท่าไหร่ ก็ต้องมาประกอบร่างกันดู
ซึ่งก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยในหลายกีฬา จากหลักการที่กำหนดไว้กว้างๆว่า สมาคมกีฬาจะได้รับเงินสนับสนุนไม่เท่ากัน อยู่บนเงื่อนไขที่แตกต่างกันตามข้อกำหนด ทั้งเรื่องผลงานที่ผ่านมา ความนิยมของกีฬา ความเป็นสากลของกีฬาก็ดูใช้ได้ มีเหตุมีผล
ยกตัวอย่างที่ลองรวบรวมเม็ดเงินที่กระจัดกระจายจากหลายทางมารวมยอดที่สมาคมกีฬาจะได้เห็นชัดกัน ปีนี้ที่ได้ตัวเลขกลมๆ ฟุตบอล 50 ล้านบาท, มวยสากล 42 ล้านบาท ถัดลงมาเทควันโด 25 ล้านบาท, ยกน้ำหนัก 22 ล้านบาท ฮอกกี้ 23ล้านบาท, บาสเกตบอล 21 ล้านบาท, เทนนิส 20 ล้านบาท
ลดหลั่นลงมา ว่ายน้ำ 19 ล้านบาท, วอลเลย์บอล 17 ล้านบาท, เรือใบ 15 ล้านบาท, วินด์เซิร์ฟ 14 ล้านบาท, อีสปอร์ต 15 ล้านบาท, เรือพาย 12ล้านบาท
หันมาเห็นระดับเลขหลักเดียว แบดมินตัน ซึ่งแข่งกันตลอดปี สร้างชื่อไม่รู้เท่าไหร่ได้ไป 5 ล้านบาท ในกลุ่ม 5 ล้านบาทนี้ ยังมีตะกร้อ กรีฑา อยู่ด้วย
ลองดูกันว่าเหมาะสมเป็นธรรมหรือไม่ เมื่อเทียบกับหลักการที่กำหนดไว้!
หรือใครจะไปส่องดูสมาคมกีฬาที่ได้เม็ดเงินก้อนใหญ่บางแห่ง เกาะกลุ่ม เกี่ยวพัน แวดล้อมกับผู้มีสิทธิ์ หรือชี้นำอะไรหรือไม่
นี่ก็กำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งกรรมการโอลิมปิกไทยในวงรอบใหม่เสียด้วย
คนหรือกีฬาเป็นตัวกำหนดที่แท้จริง
นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน นอกจากแถลงข่าวแล้ว รู้รายละเอียดบ้างไหม...
“เบี้ยหงาย”
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่