MR .Unknown
สัปดาห์นี้ กลับมาที่ แวดวงของ ฟุตซอลกันอีกครั้ง ซึ่งจะว่าไป วงการฟุตซอลในโลกลูกหนังไทยนั้นก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดใหญ่ชนิดที่ว่า ในการพูดคุยเสวนาการเลือกตั้ง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ นอกจากเรื่องเงินลิขสิทธิ์ กับเรื่องบอลไทยไปบอลโลกแล้ว ก็มีฟุตซอลนี่แหล่ะที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงบ่อยในช่วงเวลาดังกล่าว
สาเหตุที่แวดวงฟุตซอลเติบใหญ่ขึ้นมาในพักหลัง ก็ด้วยกลุ่มทุนที่กล้าเข้ามาลงทุนกับฟุตซอลนั้นมีมากขึ้น และถือเป็นกลุ่มทุนหนาพอสมควร
โดยแต่เดิมนั้น ฟุตซอลลีกเมืองไทย จะถูกเดินงานโดย บิ๊กป๋อม อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ เจ้าพ่อฟุตซอลที่นอกจากจะทำทีมชาติแล้ว ก็ต้องทำสโมสรเพื่อสนับสนุนการทำงานทีมชาติด้วยนั่นคือ ชลบุรี บลูเวฟ และหลังๆก็ปรับเป็นไป ธอส.อาร์แบคบ้าง แล้วก็กลับมาเป็น บลูเวฟใหม่
ในยุคเริ่มต้น ก็จะมี ทีโอที ที่พอจะเป็นทีมที่มีทุนสนับสนุนอยู่พักหนึ่ง ตามมาด้วย บางกอกของเสี่ยต้น ท่าเรือ กุ้งสายฟ้าสุราษฎร์ ลำปางของ สจ.แดง นครราชสีมา ศรีสะเกษ ม.ภาคฯ จากขอนแก่น ก่อนจะมามีแบงค็อกบีทีเอสในยุคคุณวสันต์
แต่ต่อมา กลุ่มทุนก็หมดกระสุน ทั้งทีโอทีที่ไม่ไปต่อ ลำปางก็ไม่มีสจ.แดง ต้นบางกอกก็หมดทุน แม้กระทั่ง เสี่ยแทน สุราษฎร์ฯ คุณวสันต์แบงค็อกนานวันก็หมดทุนเข้าก็กลายเป็นทีมระดับกลางๆ
และมาถึงปัจจุบัน กลุ่มทุนใหม่อย่างผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าที่ลงทุนอย่างหนักในการกว้านซื้อทีมอย่าง ม.ธรรมศาสตร์ , แบล็คเพิร์ล ก่อนปั้นขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการโต๊ะเล็ก และยังช่วยสนับสนุนทีมบ้านใกล้เรือนเคียง ราชนาวี นนทบุรี และอื่นๆที่เบี้ยน้อยหอยน้อยอีกต่างหาก
แต่ขณะเดียวกันก็มีเศรษฐีใหม่อย่าง เสี่ยอ้วน ห้องเย็นท่าข้าม ที่รักฟุตซอลเป็นชีวิตจิตใจเช่นกัน ก็ทุ่มทุกองคาพยพเพื่อสร้างทีมจากล่างมาบน และกลายเป็นแชมป์สมปรารถนาไปในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งทีมระดมไปด้วย โค้ชต่างชาติบราซิล นักเตะต่างชาติจากบราซิล และตัวทีมชาติที่กว้านซื้อมาเสริมสรรพกำลังจนไปถึงฝั่งฝัน
โดยทีมหัวแถวอย่าง ท่าเรือ ก็ยังคงเส้นคงวาในงบประมาณและการสนับสนุนจากองค์กร ก็ไม่ถึงกับขี้เหร่เช่นเดียวกับ แบงค็อกที่แผ่วลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับย่ำแย่ แค่สู้ทุนหนาเหมือนเขาไม่ได้ ก็ทำให้สโมสรดังกล่าวที่ว่า พอจะสร้างพัฒนาการให้วงการฟุตซอลไทย ขยับขยายเติบใหญ่ขึ้นมา
แต่ปัญหาในฟุตซอลขณะนี้ ก็ดูเหมือนจะวนมาเข้าหล่มเดียวกับฟุตบอลไทยในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งมีปัญหาโดยรวมเรื้อรังมาจาก ปัญหา โควิด 19 การขาดแคลนการสนับสนุนจากภาครัฐ และสมาคมฯ จึงทำให้ทีมได้รับการสนับสนุนน้อย
บรรดาทีมที่เบี้ยน้อยหอยน้อยระดับกลางๆล่างๆต่างก็ย่ำแย่ไปตามๆกัน ก็พยายามดิ้นรนด้วยการไปขอเกาะแขนกลุ่มทุนใหญ่เพื่อเอาชีวิตรอด และก็คาดหวังว่า ปีหน้าฟ้าใหม่ จะมีโอกาสลืมตาอ้าปากจาก ลิขสิทธิ์เอย เงินสนับสนุนเอย ก็อาจจะพอไปกันต่อได้
อย่างไรก็ดี ปัญหาเรื้อรังจากเศรษฐกิจที่มาจากโควิดนั้น ก็คงจะไม่สามารถพลิกสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดีได้เพียงข้ามคืน ซึ่งก็คงจะเป็นปัญหาเดียวกับฟุตบอล ที่นายกฯคนใหม่จะต้องหาวิธีแก้อันเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลฯในขณะนี้คือ
ไม่มีเงิน และ ไม่มีผู้สนับสนุน
ล่าสุดฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตซอลลีกเองฯ ก็ได้มีการเรียกประชุม อธิบายปัญหา และหาทางออก เพื่อจะให้ทีมต่างๆได้ไปต่อ โดยนำเสนอที่เป็นไปในทิศทางแบบบริษัทไทยลีก คือ การที่สโมสรต่างๆจดทะเบียนเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในรูปแบบของ ฟุตซอลไทยลีก และจะเป็นผู้บริหารบริษัทกันเองเพื่อแบ่งรายได้ให้ลงตัว เป็นที่พอใจกับทุกฝ่าย
ซึ่งผลออกมานั้น บรรดาสโมสรต่างๆก็โบ้ยปากกันเป็นแถวว่า ยังไม่มีความพร้อมถึงขนาดจะเข้ามาบริหารเองได้ เพราะเพียงลำพังการหางบสนับสนุนตัวเองก็ลำบากอยู่แล้ว ครั้นจะต้องหาเงินมาสนับสนุนลีกอีก หาเงินมาเพื่อทำงานถ่ายทอดสด และบริหารงานจัดการแข่งขัน รวมถึงผู้ตัดสิน ก็ดูจะเป็นงานที่เกินกำลังของเหล่าสโมสร
จึงมีการปฎิเสธการดำเนินการเป็น บริษัทฟุตซอลไทยลีกในเบื้องต้น
ล่าสุด เรื่องนี้ ก็อาจจะต้องพยายามเอาเข้าที่ประชุมกันใหม่ เพื่อให้ทุกทีมทบทวนและเข้ามาบริหารกันเองให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้น
โดยที่สุดแล้วก็อยากจะบอกว่า การที่แต่ละทีมจะเข้าใจ เห็นปัญหาต่างๆ ก็ควรที่จะต้องลงทุนทำด้วยตัวเอง หารายได้ด้วยตัวเอง เพื่อบรรดาสโมสรจะเรียนรู้อย่างเข้าใจ และมีความพึงพอใจในผลตอบรับจากการกระทำด้วยตัวเอง ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เช่นเดียวกับฟุตบอลไทยลีกที่จะมีการปฎิวัติบริษัทไทยลีกใหม่ ให้ทั้ง 16 สโมสรเป็นผู้ถือหุ้นหลัก ไม่ไช่สมาคมฟุตบอลฯ อีกต่อไป
ซึ่งนั้นจะส่งผลให้ ผลลัพท์ไม่ว่าจะออกมาดีหรือร้าย แต่ละสโมสรก็สามารถที่จะยอมรับได้อย่างพึงพอใจว่า มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ไม่ต้องไปกล่าวโทษใคร หรือไปงอนง้อใคร
จะดีชั่วมันก็อยู่ที่ตัวเราทำ เท่านั้นเอง
ซึ่งดูจะเป็นทางออกที่ยั่งยืนที่สุดในขณะนี้