MR .Unknown
นับถอยหลังเหลืออีกเพียง 3 เดือน ก็จะถึงเวลาของการเปลี่ยนแแปลงตำแหน่งสำคัญของวงการกีฬา นั่นคือ ตำแหน่งผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
โดยผู้จัดการกองทุนคนเดิมจะหมดวาระในเดือน พฤษภาคมนี้
แน่นอนว่า ชั่วโมงนี้คงปฎิเสธไม่ได้ว่า กองทุนพัฒนาการการกีฬาแห่งชาติ คือ เส้นเลือดใหญ่ที่ใช้หล่อเลี้ยงของคนวงการกีฬาของประเทศอย่างแท้จริง
ซึ่งหากพื้นที่ส่วนใด ไม่ได้รับโอกาสได้การการหล่อเลี้ยงจากเส้นเลือดนี้ก็ต้องบอกว่า
แม้ไม่ตายแต่ก็เลี้ยงไม่โต เพราะลำพังสมาคมกีฬา "แห่งจังหวัด" และ "แห่งประเทศไทย" ที่จะหาเงินหล่อเลี้ยงตัวเองให้พออยู่รอด ก็ลำบากยากแค้นอยู่แล้ว ซึ่งหากไม่มีเงินกองทุนที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการแข่งขัน สนับสนุนเงินรางวัล ส่งเสริม ช่วยเหลือ การดำเนินกิจกรรมกีฬาทั้งในระดับชาติ นานาชาติ
ก็ยากยิ่งที่จะดำเนินกิจกรรมต่างๆโดยเฉพาะให้ประสบความสำเร็จได้
จากบทเรียนที่เราได้จัดตั้งก่อทุนขึ้นมาเพื่อที่จะสร้างประโยชน์ ก่อให้เกิดการพัฒนากีฬา ด้วยเม็ดเงินที่มากกว่าการพิจารณางบประมาณสนับสนุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย กลับกลายเป็นเหมิอนดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทิ่มแทง ทั้งสมาคมกีฬาฯ และ กกท.เอง ที่กลายมาเป็นการทำงานที่ย้อนแย้ง อีกทั้งสร้างปัญหาใหม่ๆที่เกิดขึ้น อาทิเช่น ตั้งเบิกงบประมาณจัดการแข่งขันแต่ไม่ได้รับเงิน ซึ่งไม่ว่าด้วยข้อผิดพลาดใดๆก็แล้วแต่ ทั้งขั้นตอนเอกสารผิดพลาด การรับมอบส่งงานผิดพลาด วิธีการผิดพลาด จากที่เป็นคนปลอดหนี้ก็กลายเป็นสมาคมกีฬาเป็นหนี้ ผู้จัดกิจกรรมเป็นหนี้ หรือแม้กระทั่งสมาคมกีฬาเสียความเชื่อมั่นจากนักกีฬา กรณี เสนอเงินอัดฉีดแล้วไม่ได้ตามที่ต้องการเป็นต้น
เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ต้องกลับมาคิดว่า กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่ก่อตั้งมาเพื่อให้เกิดประโยชน์ แต่กลับมามีโทษเช่นนี้ เราจะแก้ไขกันไปอย่างไร
หลังๆ หลายสมาคมฯแทบอยากให้ให้ล้มเลิกการมีกองทุนไป แล้วกลับมาใช้ระบบเดิม โดยระเบียบของ กกท.ที่มีสรรพกำลังที่สามารถบริหารเงินและงานมากกว่าเพราะมีโครงสร้างที่ดีอยู่แล้ว
งานนี้ก็ต้องบอกว่า กองทุนนั้นเกิดมาเพราะด้วยการมีเจตนาดี และหากมีการบริหารที่ดี
หากมีความเข้าใจที่ดี บริหารอย่างถูกต้องมีหลักเกณฑ์ที่ทุกฝ่ายเข้าใจนั้น มันจะส่งผลดีต่อวงการกีฬาของเราอย่างแน่นอน
แต่ด้วยปัญหาที่นำเสนอข้างต้น และอีกหลายๆปัญหาที่ไม่ได้นำมาบอกเล่าย้อนหลังเพื่อให้เกิดเรื่องราวใหม่ เราควรจะมีวิธีการจัดการบริหารที่ดีกว่านี้
เข้าใจว่า ในวาระที่กำลังจะหมดลง ฝั่งรัฐบาลใหม่ก็หมายมั่นปั้นมือจะส่งคนเข้าไปแก้ปัญหา ด้วยความคาดหวังว่า จะเป็น ผู้จัดการที่ดี ที่จะช่วยให้ปัญหาที่ติดขัดและลดกรณีพิพาทระหว่างกองทุนกับสมาคมกีฬาฯลง ฝนตกทั่วฟ้า พัฒนาได้มากขึ้น
แต่ก็ขอตั้งคำถามว่า รัฐบาลมั่นใจได้อย่างไรว่า ปัญหาเดิมจะไม่เกิดขึ้นอีก เมื่อการเมืองเข้ามาแทรกแซงและจัดการตำแหน่งจากการเมือง
รัฐบาลมั่นใจและเชื่อมั่นได้อย่างไรว่า ผู้จัดการกองทุนที่จะส่งมานั้น จะเป็นผู้ที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างแท้จริง ทำงานด้วยบรรทัดฐานที่ถูกต้อง มีจริยธรรม เป็นผู้บริหารที่มีความสามารถ
จากข่าวที่ได้ทราบมา จึงอยากให้ไปทบทวนกรอบวิธีคิดเดิม และตั้งคำถามเพิ่มเติมให้กับรัฐบาลว่า นี่คือ วิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการเมือง ด้วยวิธีการแบบการเมืองเหมือนเดิมหรือไม่
แตกต่างเพียงแค่ ผู้นำในรัฐบาลเปลี่ยนมือเท่านั้น หรือไม่
กองทุนที่ถูกตั้งขึ้นมา เป็นองค์กรอิสระ ที่ถูกวางไว้ให้ปลอดจากการแทรกแซงทางการเมือง วิธีบริหารแบบเก่า ทำให้ทุกคนได้เข้าถึงได้ เป็นวิธีคิดที่ดี
แต่สุดท้ายก็ถูกแก้ด้วยวิธีการทางการเมืองอีกเช่นเดิมที่ทำให้องค์กรอิสระนี้ ไม่สามารถพ้นเงื้อมมือทางการเมืองอีก
อย่างไรก็ดี วิธีการสรรหา ผู้จัดการกองทุน มีรูปแบบระเบียบที่ดีอยู่แล้วจากผู้ก่อตั้ง
โดยบอร์ดสรรหาประกอบไปด้วย
1.รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี
เป็นประธานกรรมการ
2.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรอง
ประธานคนที่ 1
3.ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองประธานคนที่
2
4.ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นรองประธานคนที่ 3
5.ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการ
6.ผู้แทนสำนักงบประมาณ เป็นกรรมการ
7.ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เป็น
กรรมการ
8.ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เป็น
กรรมการ
9.ผู้แทนสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่าแห่งประเทศไทย เป็น
กรรมการ
10.ผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด เป็นกรรมการ
11.ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ หรือวิทยาศาสตร์การกีฬา
เป็นกรรมการ
12.ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์และการเงิน เป็นกรรมการ
13.ผู้ว่าการการกีฬแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการและ
เลขานุการ
โดยนอกจากบอร์ดสรรหา ยังมีเรื่องของคุณสมบัติของผู้จัดการที่ถูกวางไว้อย่างเข้มงวด และต้องผ่านการสัมภาษณ์ การนำเสนอวิธีคิด วิธีการ ของผู้จัดการ เพื่อให้กองทุนได้ บุคลากรที่เหมาะสมอย่างแท้จริง อย่างเข้มข้น
หาก การสรรหาผู้จัดการกองทุนฯ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ด้วยวิธีการปกติ ที่เป็นระเบียบตามลายลักษณ์อักษรของการสรรหา ก็เชื่อว่าจะได้คนดีมีความสามารถเข้ามาทำงานได้อยู่แล้ว
แค่เพียงตำแหน่งนี้ ไม่ได้ถูกวางไว้ตามวิถีทางการเมืองที่เข้ามาแทรกแซง ไม่ใช่วิธีการหา ค่าของคนคือคนของใคร
ก็เชื่อว่า เราจะได้ผู้จัดการที่เหมาะสมเพื่อการพัฒนาการกีฬาของชาติได้ และช่วยพัฒนาเดินหน้าต่อไปเสียที