หน้าแรกแกลเลอรี่

คนละอารมณ์

โจโจ้

10 พ.ย. 2566 05:11 น.

เป็นห้วงความสุขของทัพนักกีฬาไทยชุดเอเชียนเกมส์และเอเชียนพาราเกมส์ เมื่อ “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” เปิดทำเนียบเลี้ยงฉลองชัยพร้อมแสดงความยินดีให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ หลังจากเหน็ดเหนื่อยมานาน

ผลงานของทัพไทยในกีฬาเอเชียนเกมส์ คว้ามาได้ 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง จบอันดับ 8 ของตาราง ขณะที่ในกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ คว้าได้ 27 เหรียญทอง 26 เหรียญเงิน 55 เหรียญทองแดง จบเป็นอันดับที่ 7 ของตาราง

เหนือสิ่งอื่นใดคงไม่เท่าที่ “นายกฯนิด” ยืนยันจะเพิ่มรางวัลให้กับนักกีฬาสูงขึ้นกว่าเดิม รวมถึงนักกีฬาคนพิการก็จะยกระดับค่าตอบแทนให้สูงขึ้นเช่นกันทั้งกลไกการจ้างงาน และสิทธิประโยชน์ด้านภาษี

เรียกว่าได้ใจเหล่านักกีฬาไปแบบเต็มร้อยแน่นอน

อย่าลืมว่ากว่าที่นักกีฬาแต่ละคนจะก้าวไปถึงฝันประสบความสำเร็จต้องเหน็ดเหนื่อยมากแค่ไหน ไหนจะต้องเสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อใช้ในการฝึกซ้อม แถมบางประเภทต้องควบคุมเรื่องอาหารเพราะมีปัจจัยเรื่องของน้ำหนักตัวเป็นเครื่องชี้วัด

ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นความเสียสละด้วยกันทั้งสิ้น

สิ่งหนึ่งที่อยากฝากไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องเรื่องเงินรางวัลก็ควรที่จะแบ่งเกรดความยากง่ายด้วยบางชนิดแข่งไม่กี่ครั้งก็ได้เหรียญทองแล้ว

เอาแบบที่เห็นชัดเจน “มวยสากล” บางคนต้องลงแข่งมากกว่า 5-6 ครั้งกว่าจะได้เหรียญ หากโชคร้ายเกิดแผลแตกจากอุบัติเหตุก็อาจส่งผลให้ชกในรอบต่อไปไม่ได้อีก กีฬาประเภทนี้น่าจะมีการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ

ไม่เป็นไรครับยังพอมีเวลาในการศึกษาหาข้อมูลเพื่อหาวิธีจัดสรรเงินรางวัลเพื่อความเหมาะสม

ขณะที่นักกีฬากลุ่มใหญ่มีความสุขแฮปปี้แต่มีอีกกลุ่มที่มีความทุกข์จากการถูก “โดนหักหัวคิว” มากกว่า 10 ปี จาก “เหลือบ” ในวงการกีฬา และมั่นใจว่ากรณีดังกล่าวคงไม่ใช่เคสแรก เพียงแต่ว่าจะมีใครออกมาพูดหรือเปล่าเท่านั้นเอง

ใครจะคิดว่าเรื่องนี้จะมาจากอดีตนักตะกร้อชื่อดัง “โจ้ หลังเท้า” พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ ที่เป็นตัวแทนอดีตนักกีฬา ยื่นเรื่องร้องเรียนการทำหน้าที่ของผู้จัดการทีมชาติไทย ผู้ฝึกสอน ทีมตะกร้อทีมชาติไทย ที่มีการหักหัวคิวนักกีฬา

ถือเป็นประเด็นร้อนและน่าเห็นใจ “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ นายกสมาคมกีฬาตะกร้อฯ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา ต้องขบคิดหนักในการหาวิธีปราบพวกเหลือบในวงการกีฬา

อย่างที่บอกเรื่องมันเกิดมากว่า 10 ปีแล้ว การจะเอาผิดได้คงต้องอยู่ที่หลักฐานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่แน่ๆพวกนักตะกร้อที่เสียผลประโยชน์จะจริงจังมากน้อยแค่ไหน กล้าที่จะออกมาเปิดแบบพร้อมเพรียงกันหรือเปล่า.

โจโจ้

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม