หน้าแรกแกลเลอรี่

“โจ้ สืบศักดิ์” แฉตัวการ โกงเงินรางวัล “นักตะกร้อทีมชาติไทย” เอเชียน เกมส์ 2023 นับ 10 ล้าน

ไทยรัฐออนไลน์

7 พ.ย. 2566 16:30 น.

สืบศักดิ์ ผันสืบ พร้อมอดีตนักตะกร้อทีมชาติไทย แฉการโกงเงินนักกีฬา ในเอเชียนเกมส์ 2023 และในอดีตนับ 10 ปี

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 พันตำรวจโทสืบศักดิ์ ผันสืบ, สุริยัน เป๊ะชาญ, พูลศักดิ์ เพิ่มทรัพย์ และ สมพร ใจสิงหล ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนการทำหน้าที่ของ ผู้จัดการทีมชาติไทย, ผู้ฝึกสอน ทีมตะกร้อทีมชาติไทย ที่ไม่โปร่งใส และมีการเรียกรับเงินจากนักกีฬาทั้งในอดีตและปัจจุบัน กับ โดยมี นายบุญชัย หล่อพิพัฒน์ อุปนายกสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องประชุมคณะกรรมโอลิมปิกแห่งประเทศไทย (บ้านอัมพวัน) เวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา

หลังจากก่อนหน้านี้ สืบศักดิ์ โพสต์เฟซบุ๊กหลังโดนข่มขู่ว่า "มาข่มขู่ ว่าให้ระวังกระทบหน้าที่การงาน ไม่ต้องโทรมาแล้วนะครับ ผมแค่จะไปยื่นหนังสือ จากน้องๆ ทีมชาติ ไปส่งผู้แทนสมาคม เฉยๆ อย่ากังวลกันครับ #ทำสิ่งที่ถูกต้อง #ไม่ได้ทำอะไรผิดก็อย่าไปกลัว"

สืบศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า เงินรางวัลในศึก เอเชียน เกมส์ 2023 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ทีมชุดชาย (12 คน) และ ทีมเดียวชาย (5 คน) ที่ได้เหรียญทองทั้งคู่ จะได้เงินรวม 34 ล้าน (คนละ 2 ล้านบาท) โดยทีมชุดหญิง และทีมเดี่ยวหญิง ที่ได้รวม 2 เหรียญทอง ก็จะได้เงินเท่ากัน

โดยโค้ช มี 3 คน จะได้เงินจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 20% คือ 5.8 ล้านบาท (ประมาณ 1.93 ล้านบาท) ตามเงินรางวัลจากนักกีฬาที่ได้รับจากการแข่งขันอยู่แล้ว

แต่ยังมีการมาหักเงิน 50 เปอร์เซ็นต์ จากประเภททีมเดี่ยวทั้งชายและหญิงรวม 10 ล้านบาท (ทีมละ 5 ล้านบาท) โดยอ้างว่า จะนำเงินไปให้นักกีฬาที่ไม่ได้ติดทีมมา เพราะเป็นคู่ซ้อม แต่มาดูสุดท้ายทีมชายเงินหายไป 3.3 ล้านบาท ส่วนทีมหญิง หายไป 6.75 ล้านบาท

โดย สืบศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า "วันนี้ผมมาเป็นตัวแทนนักกีฬาและหวังว่าคณะกรรมการจะมีความเที่ยงธรรมให้มันถูกต้อง ประเด็นที่อดีตนักกีฬาทีมชาติ และทีมชาติปัจจุบัน ซึ่งคนปัจจุบันไม่กล้าออกมาบอกหรอกถึงเรื่อง เพราะจะมีผลต่อการเก็บตัวในรายการหน้า แต่ด้วยความสนิทส่วนตัว สามารถบอกกันได้ผ่านแชตไลน์ สำหรับนักกีฬาเวลาได้เงินจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ จะมี 2 กรณี คือ รับเงินมาแล้วโอนต่อไปยังบัญชีพักเงิน แล้วค่อยนำเงินไปบริหารจัดการต่อ อีกวิธีคือ ถอนเงินมาทั้งหมด ไปนัดเจอกัน และแบ่งเงินกัน เพื่อไม่ให้เกิดหลักฐานอื่นใด จากปัญหาตรงนี้ที่เป็นมานับ 10 ปี วันนี้ไม่หวังสิ่งอื่นใด แต่ขอเพียงการให้มีคณะกรรมการตั้งสอบขึ้นมาก่อน กรอบเวลาคิดว่าน่าจะ 1 สัปดาห์คงจะเริ่มมีความเคลื่อนไหวอะไรมา"

"บางคนเคยออกมาเรียกร้องสมัยก่อนทั้ง พิกุล สีดำ หรือ นิตินัดดา แก้วคำไสย์ แต่รายการต่อๆ มาก็กลับหลุดจากทีมชาติไปเฉยๆ เลย ซึ่ง พิกุล เขาต้องเปลี่ยนอาชีพไปเก็บผลไม้ที่ต่างประเทศ การเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย มันควรมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมากกว่านี้ ให้เขามาเป็นโค้ชใช้ความรู้ที่มีพัฒนาเยาวชนน่าจะดีกว่าเยอะ ถ้ามันเป็นไปได้ ก็อยากจะให้ได้เงินรางวัลคืน จากอะไรก็ตาม จะเป็นการเยียวยาของสมาคมฯ ก็ได้ ซึ่งคิดว่ามันเป็นเงินจำนวนมาก"

ส่วน ร้อยโท สุริยัน เป๊ะชาญ กล่าวว่า "ในอดีตการอัดฉีดเงินให้นักกีฬาตะกร้อยังไม่มากเท่านี้ สมัยก่อนที่ผมเล่น คิงส์ คัพ ได้ คนละ 5,000 บาท หลังๆ ที่ผมเล่นได้คนละ 1 ล้านบาท รวม 5 คนสำหรับทีมเดี่ยว ก็เป็น 5 ล้านบาท แต่สุดท้ายถูกแบ่งไปให้ผู้จัดการทีมครึ่งหนึ่ง เราก็ต้องทำตามนั้น พูดอะไรไม่ได้ มีเท่าไร ก็ต้องเอาเท่านั้น"