หน้าแรกแกลเลอรี่

เช็กตัวเอง

ฟ้าคำราม

1 พ.ย. 2566 04:25 น.

วิธีเช็กตัวเองว่าออกกำลังกายหนักไป หรือไม่ โดยเฉพาะสายวิ่งยาว

การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย ทำให้เราสุขภาพแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่ดี มีความสุข ช่วยลดความเครียด ทำให้หลายคนชอบการออกกำลังกายมาก และพยายามที่จะท้าทายตัวเอง เพื่อไปสู่เป้าหมายที่สูงขึ้น ระยะวิ่งที่ไกลขึ้น ความเร็วที่มากขึ้น ซ้อมหนักเกือบทุกวัน

แต่การที่เราออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อ ให้ไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้ พยายามเพิ่มน้ำหนัก เพิ่มความเร็ว หลังจากที่เราซ้อมไปสักพัก กลับไม่รู้สึก แข็งแรงขึ้น บางคนอาจรู้สึกว่าความแข็งแรงลดลง ความเร็วตก แม้ว่าจะพยายามซ้อมอย่างหนัก

นี่อาจเป็นสัญญาณว่า ร่างกายของเราฟื้นตัวได้ ไม่ทันกับการซ้อม

ลองสังเกตตัวเองว่ามีอาการแบบนี้หรือไม่

มีอาการล้า เหนื่อยง่าย รวมถึงในเวลาพัก ประสิทธิภาพ (Performance) ในการซ้อมลดลง มีปัญหาด้านการนอน หลับยาก หลับไม่ลึก ตื่นกลางดึก ฝันร้าย

มีอาการปวดกล้ามเนื้อ มีเหงื่อออกมาก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

ประจำเดือนมาไม่ปกติ ป่วย หรือบาดเจ็บบ่อยขึ้น โดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ไข้หวัด ไซนัสอักเสบ คออักเสบเฉียบพลัน มีความรู้สึกกังวลหรือซึมเศร้า

อาการเหล่านี้ อาจบ่งบอกถึงภาวะ Overtrain ing Syndrome ซึ่งแสดงว่า ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟู หลังการซ้อมอย่างที่ควร มักพบในกีฬาประเภทวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน

โดยปกติแล้ว หลังจากซ้อมหนัก ร่างกายจะใช้ เวลาเป็นวันหรือสัปดาห์เพื่อฟื้นตัว แต่ในนักกีฬาที่มีภาวะ Overtraining อาจใช้เวลาฟื้นตัวหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน มาจากความไม่สมดุลของ ความหนักในการซ้อมและการพักฟื้นของร่างกาย

ส่งผลต่อการซ้อมและประสิทธิภาพ (Performance) ของการเล่นกีฬาในอนาคต

OOOOOOO

ซ้อมหนักใช่ว่าจะส่งผลดีเสมอไป การซ้อมหนัก อาจทำให้ร่างกายรับไม่ไหว ฟื้นตัวไม่ทันได้

โดยเพจ May Clinic คลินิกนักวิ่งโดยหมอเมย์ ของ “หมอเมย์” พญ.สมิตดา สังขะโพธิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู ลงรายละเอียด Over training Syndrome เอาไว้ให้อย่างครบถ้วนแล้ว

ใครที่รู้สึกว่ายิ่งซ้อม ยิ่งถดถอย ไม่ได้เดินหน้า ไปเลย ลองสังเกตอาการและเช็กตัวเองดูก่อน

ถ้าเข้าหลักเกณฑ์ข้างต้น อาจต้องพักให้มากขึ้น กว่าเดิม แล้วค่อยกลับมาฝึกซ้อมกันใหม่

ร่างกายจะได้สดชื่นกว่าที่เป็นอยู่...

ฟ้าคำราม

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่