รอวันโผล่

บ้านเมืองช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่รัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งก็หักปากกาเซียนมาหลายเรื่องหลายวาระ รวมถึงการลงจากอำนาจของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 9 ปีของเมืองไทยดูจะละมุนละม่อม ราบเรียบ และมีบรรยากาศที่ดี เป็นมิตร เกินกว่าหลายฝ่ายคาดคิด

วันก่อนท่านก็แสดงสปิริตยกธรรมาภิบาลเปิดทางให้นายกฯคนใหม่เป็นผู้พิจารณาบัญชีแต่งตั้ง ผบ.ตร. และข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งท่านนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 9/2566 โดยได้ถอนวาระการคัดเลือกบิ๊กตำรวจออกไปก่อน รอให้เป็นเรื่องของรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่

ทำเอาได้รับเสียงชื่นชมไปทั่ว นั่นคือภาพของหนึ่งลุงที่เกิดขึ้นและฉายให้เห็นถึงบริบทในการก้าวลง

ส่วนในแวดวงกีฬาเรา วันที่ 30 ส.ค.นี้ จะมีการประชุม “บอร์ดการกีฬา” หรือ คณะกรรมการบริหารการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งนับว่าจะเป็นการประชุมบอร์ดครั้งสุดท้ายในรัฐบาลชุดนี้ และแน่นอน อีกหนึ่งลุงพี่ใหญ่ของ 3 ป. “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บุรุษสารพัดหมวก ผู้คุมกีฬาแบบเบ็ดเสร็จมายาวนานจะนั่งหัวโต๊ะ

จึงเป็นที่จับตาดูว่า บอร์ดส่งท้ายครั้งนี้จะมีเรื่องอะไรที่น่าตื่นเต้นหรือไม่ และจะมีการอนุมัติเรื่องอะไรให้วงการกีฬาฮือฮารึเปล่า

ซึ่งในวาระการประชุมปกติ อาจจะไม่มีอะไรมากนักว่ากันไปตามครรลอง แต่ที่หลายคนสัมผัสกลิ่นอายอะไรบางอย่าง ดูเหมือนจะมีความพยายามจะผลักดันในส่วนของวาระอื่นๆ

ที่ผ่านมานั้นมีหลายเรื่องหลายเวลา ร่ำลือถึงการถูกสกัดยับยั้งจากไพร่พลบริวารที่รายรอบ จนเรื่องเน่าๆที่ควรแก้ไข ไม่สามารถนำเข้าสู่การพิจารณาได้

แต่เที่ยวนี้ในวาระแห่งการส่งท้าย นอกจากเรื่องเก่าจะดองไว้ดังเดิม แต่เรื่องใหม่กลับจะนำเสนอเสียเองด้วย

เสนอให้ต่ออะไร ยืดอะไรบางประการ!!!

ก็หวังว่าจะเป็นเพียงแค่กลิ่นเหม็นที่ล่องลอยผ่านมา เป็นเพียงเรื่องของการ “คิด” ที่ไม่ชอบ และไม่ได้เป็นสาระที่จะลงมือกระทำให้เกิดขึ้นจริง

“ลุงตู่” แสดงสปิริตฉายภาพของการมีธรรมาภิบาล เป็นบรรทัดฐานให้เห็นแล้ว ส่วนจะมีลุงไหนเห็นต่าง ทำต่าง แสดงศักยภาพผิดๆบ้างรึเปล่า สังคมจะได้รับรู้

ส่งท้ายอำลาแล้วอย่าทำอะไรให้มัวหมอง มันจะติดตัวไป

ครม. “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ยังไม่คลอดเป็นทางการ แต่ก็พอมองเห็นโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่แล้ว ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้น แม้ส่อว่าจะได้ท่านใหม่เอี่ยม น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล มานั่ง ก็ไม่ได้เป็นปัญหา แถมอาจจะมีมุมบวกด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท และย่อมไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องมัวหมอง ต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด

รวมทั้งเรื่องของกีฬาเชิงกลยุทธ์ ขับเคลื่อนด้วยบอร์ดการกีฬา และกองทุน เมื่ออยู่ในมือพรรคเพื่อไทย ที่หัวหน้าคณะรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสินชอบกีฬาและรู้จักคนกีฬามากมาย มีทีมงานที่คลุกคลีในกีฬา ย่อมรับรู้เรื่องฉาวๆที่เกิดขึ้น และคงไม่ปล่อยผ่าน ปิดบังซ่อนเร้นให้ใคร เพื่อให้วงการกีฬาเดินหน้าพัฒนาอย่างเต็มกำลัง

คอยให้บอร์ดชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ฝุ่นเขียวย่อมมีวันจางหาย และเมื่อเวลานั้นมาถึงอาจจะได้เห็นอะไรที่ซุกอยู่โผล่ขึ้นมาก็ได้

ไม่นานเกินรอได้พิสูจน์กันแน่นอน...

“เบี้ยหงาย”