เบี้ยหงาย
การประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือบอร์ด กกท. ครั้งล่าสุด ครั้งที่ 5/2566 ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ที่คุมหมดแบบเบ็ดเสร็จในแวดวงกีฬา ทั้งประธานบอร์ด กกท. ประธานบอร์ดกองทุนฯ ประธานโอลิมปิกไทย และสารพัดตำแหน่ง เป็นประธานประชุมนั่งหัวโต๊ะ ซึ่งประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา
ซึ่งเสร็จประชุมก็มีการเผยแพร่ผลการประชุมออกมา โดยข่าวประชาสัมพันธ์ของ กกท. ก็เผยแพร่ซึ่งระบุถึงการรับทราบรายงานผลการแข่งขันต่างๆ ทั้งซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการเตรียมพร้อมไปแข่งกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ซึ่งควบคู่กับการเตรียมแข่งเอเชียนพาราเกมส์ที่จีนปลายปี และเรื่องอื่นๆเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีการเอ่ยถึงการเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์
แต่ที่ฮือฮา กลับมีข่าวลือถึงการพูดคุยในที่ประชุมบอร์ดเปิดออกมา และดูเหมือนจะเป็นมติบอร์ดเสียด้วย ที่จะขอยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์ฯ ครั้งที่ 6 ของไทย ซึ่งเกมนี้เลื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ ก่อนจะมากำหนดจัด 17-26 พ.ย.2566 ที่กรุงเทพฯ และชลบุรี
และหากเลิกจัดไม่ได้ ก็ขอเลื่อนไปจัดหลัง ซาอุดีอาระเบีย ที่จะเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 ในปี 2568 โดยให้คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ไปหารือกับโอซีเอ หรือสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย เจ้าของเกมในวันที่ 7 มิ.ย.นี้
เหตุผลที่จะเลิกหรือเลื่อนจัดครั้งนี้ บอร์ด กกท. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่แห่งรัฐบาลที่อยู่มายาวนานกว่า 8 ปี เป็นประธานนั้น ยกเอาประเด็นเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล การสนับสนุนของบจากรัฐบาลที่กำลังรักษาการอยู่นี้ ไม่สามารถทำได้รวดเร็ว เกรงไม่ทัน ด้วยต้องผ่านกระบวนการเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือไม่ก็ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่
ซึ่งก็น่าแปลกใจ การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ของไทยรู้มานาน เตรียมมานาน การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นก็รู้เงื่อนไข ช่วงเวลามาระยะหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องปุบปับกะทันหัน งบประมาณก็ตั้งกันเอาไว้ราว 1,200 ล้านบาท
การประชุมบอร์ดครั้งก่อนหน้านี้ คือครั้งที่ 4/2566 เมื่อ 24 เม.ย. ซึ่งก็รับรู้ถึงกำหนดการต่างๆอันเกี่ยวเนื่องกับการเลือกตั้งอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่รู้ถึงผลคะแนนที่จะออกมา โดยมติที่ประชุมในวันนั้นยังระบุชัดให้เสนอคณะรัฐมนตรี ยืนยันการเป็นเจ้าภาพ พร้อมของบประมาณสนับสนุนทั้งจากรัฐ จากกองทุนฯและอื่นๆตามความจำเป็น ให้ กกท. ประสานกับ กกต. ในการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดและกฎหมาย
แต่เดือนถัดมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลการเลือกตั้งที่ออกมาด้วยหรือไม่ ทำให้ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน!
ไม่เท่านั้นช่วง 13-15 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีการประชุมร่วมกับทางคณะของโอซีเอที่มาติดตามความคืบหน้าในการเตรียมเป็นเจ้าภาพของไทย ซึ่งก็หวานเจี๊ยบมีคำชม คำเชื่อมั่น เป็นข่าวว่อนออกมาไม่เว้นแต่ละวัน ฝ่ายไทยก็ประกาศความพร้อมในทุกๆด้าน เร่งมือกันเต็มที่
คงไม่ต้องบอกว่าจะเป็น “เลิก” หรือ “เลื่อน” กับเกมที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 เดือนข้างหน้า ล้วนเกิดความเสียหายอย่างมหาศาลทั้งสิ้น ไม่เพียงจะเป็นเสียชื่อ เสียโอกาสทางด้านกีฬาพ่วงท่องเที่ยว ยังเสียความไว้วางใจ เสียความเชื่อมั่นของประเทศ และไม่ใช่ไม่เสียเงิน ก็ย่อมเสียไปมากมายกับสิ่งที่ใช้เตรียมการไปแล้วกลับสูญเปล่า!
เมื่อเงินหลวงถูกใช้ไปแล้ว ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ
และไม่ว่า “เลิก” หรือ “เลื่อน” ก็สะท้อนได้ว่า นาทีนี้พี่ใหญ่ ซึ่งคุมเบ็ดเสร็จมายาวนานจะปล่อยมือแล้ว หรือไม่ก็สิ้นมนต์ขลัง!!!
หรือจะเป็นขาลงจริงจังเสียแล้ว พี่ห้อยพี่โหนเอาไงดี...
“เบี้ยหงาย”